รีวิว Emily in Paris season 2ตามติดชีวิตเอมิลี่ในปารีสอีกครั้ง ทาง Netflix
รีวิว Emily in Paris season 2 บองชูว์! ทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศส เพราะวันนี้มีรีวิวซีรีส์ยอดนิยมจาก Netflix เรื่อง Emily in Paris Season 2 มาฝากกันค่ะ เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่า ที่สอดแทรกความฮาแบบจิกกัดความเป็นอเมริกันในปารีส เต็มแน่นไปด้วยแฟชั่นและมนต์ขลังเสน่ห์แห่งรัก ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก “ปารีส” ใครใฝ่ฝันอยากเป็นชาวปารีเซียงต้องไม่พลาด กระแสตอบรับดีตามซีซั่น 1 ไปติด ๆ เพราะปล่อยสตรีมมิ่งให้รับชมแค่วันเดียวก็ติด Top 10 หนังซีรีส์น่าดูใน Netflix อยู่อันดับ 2 เป็นรองก็แค่ The Witcher SS2 เท่านั้น ว้าว!! น่าดูแล้วใช่ไหมละคะ ว่าแต่จะสนุก ควรค่าแก่การดูแค่ไหน เชิญไปติดตามกับรีวิวซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะ ดูหนังฟรี
เสน่ห์แห่งความโรแมนติกจะดึงดูดให้คุณละสายตาไม่ได้อีกครั้งใน Emily in Paris SS2 ซีรีส์ที่อบอวลไปด้วยเรื่องราวอบอุ่น ชวนหัวเราะ จาก Netflix กับเรื่องราวของนักโฆษณาสาวเอมิลี่ ที่แบกความเป็นอเมริกาจ๋า มาเผชิญหน้ากับมหานครแห่งแฟชั่น ความโรแมนติก ชีวิต Slow life กับวัฒนธรรมที่ฝรั่งเศสมากกกก จนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมากมาย วันนี้เราจะมาสรุปเนื้อหาน่าสนใจในซีซันที่ 2 กันครับ มาดูว่ากลิ่นอายของกรุงปารีสจะหอมฟุ้งชวนฝันขนาดไหน
ซีซันนี้ดูเอมิลี่จะปรับตัวให้เข้ากับจังหวะการทำงานของออฟฟิศ ‘ซาวัวร์’ ได้แล้ว เป็นเรื่องที่ดีที่เราได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานที่พัฒนามากขึ้น แม้จะผ่านเรื่องราวพีค ๆ แบบตกกระไดพลอยโจนจนแอบตึงใส่กันในตอนแรก แต่เราก็ได้เห็นการจัดการแบบเหมือนจะชิลล์แต่ก็มีแบบแผนและความโปรฯ ซ่อนอยู่ อย่างเรื่องการทำงานในวันหยุดที่เหมือนเป็นเรื่องผิดกฏหมายของฝรั่งเศสเนี่ย พอนำเสนอผ่านตัวละครที่มีความอเมริกันจ๋าด้วย Mind set ว่าทุกวินาทีคืองานอย่างเอมิลี่แล้ว มันทั้งฮาและเห็นภาพความต่างอย่างชัดเจนเลยล่ะครับ ซีซันนี้เราจะได้เห็นการ Attack ของบริษัทแม่จากอเมริกาที่เข้ามาลงดาบพยายามจัดการวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างของ ‘ซาวัวร์’ แบบถึงพริกถึงขิงเลย มาดูกันครับว่าหมัดน็อคแบบอเมริกัน หรืออาวุธลับอาบยาพิษสไตล์ฝรั่งเศส แบบไหนจะปังกว่ากัน
รีวิว Emily in Paris ss2 เรื่องย่อ
เรื่องจะต่อเนื่องจากซีซันแรก หลังจาก เอมิลี่ คูเปอร์ สาวน้อยสุดมั่นผู้คล่องแคล่วชาวอเมริกันที่ทำงานเป็นพนักงานของบริษัทการตลาดในชิคาโกและเก่งเรื่องโซเชียลตามประสาคนรุ่นใหม่ ได้ถูกส่งตัวจากบริษัทแม่มาประจำอยู่กับบริษัทลูกที่ปารีสในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนี่คือโอกาสสำคัญและไลฟ์สไตล์ในฝันของสาวอเมริกันในแวดวงการทำงานเกือบทุกคน โดยในซีซันแรกเธอได้เจอเรื่องราววุ่นๆจากการทำงาน การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศส และการพบรักสุดโรแมนติกกับหนุ่มข้างห้องชวนฝันที่ก็มาพร้อมปัญหาต่างๆเมื่อชายหนุ่มก็มีคนรักอยู่แล้ว
ในซีซันแรก เรื่องจบลงที่เอมิลี่ตัดสินใจอยู่ต่อ เปิดมาซีซันสอง แม้ว่าชีวิตการทำงานของเธอจะเริ่มลงตัวมากขึ้น แต่ชีวิตรักวุ่นๆ ก็ยังสะสางไม่ได้ลงตัว ปัญหาใหม่ๆก็เริ่มเข้ามา แต่มันก็เป็นโอกาสให้เธอได้เจอรักใหม่ไปจนถึงทางเลือกครั้งสำคัญในอาชีพการทำงานด้วย
เรื่องนี้ยังคงคอนเซปต์ที่เป็นจุดขายสูงสุดของซีรีส์คือ เป็นเรื่องราวแนวโรแมนติกขายฝันผู้หญิงสุดน้ำเน่า แต่ความเจ๋งของเรื่องนี้คือมันก็ยังสามารถสร้างออกมาได้อย่างมีสีสัน เป็นเรื่องน้ำเน่าที่ดูได้เพลินตาเอามากๆ เพียงแต่คนดูผู้ชายก็อาจจะไม่ถนัดหรือไม่อินกับเรื่องสไตล์นี้เท่าไรนัก ตรงนี้ก็ไม่น่าแปลกเพราะกลุ่มเป้าหมายของเรื่องมันชัดเจนสุดๆ ว่าทำมาเพื่อสนองนีดสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาววัยรุ่น จนถึงวัยกลางคน เชื่อเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในเรื่องโปรดของผู้หญิงได้ไม่ยาก
ยังคงต้องขอชมนักแสดงหลักของเรื่องนี้ โดยเฉพาะ Lily Collins ที่เล่นเป็น เอมิลี่ คูเปอร์ นางเอกของเรื่อง เธอใส่ชุดอะไรก็ดูขึ้นและกล้องจับไปหมด
Emily in Paris ss2 รีวิว ไม่สปอยล์เนื้อหา
ซีซันสองยังมีจุดเด่นที่คงเอกลักษณ์อย่างหนึ่งมาจากซีซันแรกก็คือ งานแฟชั่น จัดเต็ม อลังการดาวล้านดวง ในซีซันแรกเราได้เห็นชุดแฟชั่นมากยังไง ซีซันสองพยายามเพิ่มเติมเข้าไปอีก ที่น่าทึ่งก็คือ เอมิลี่ น่าจะทำสถิติเป็นนางเอกซีรีส์ที่เปลี่ยนชุดมากที่สุดในหนึ่งตอนเลย มีบางตอนที่เธอเปลี่ยนชุดมากถึง 6-7 ชุดในตอนเดียว แถมเป็นชุดที่เชื่อเลยว่าปกติแล้วหลายคนไม่ได้มีโอกาสใส่ในชีวิตประจำวันแน่ แล้วถ้าไม่ใช่เมืองแห่งแฟชั่นอย่างปารีส บางชุดคงแต่งออกมาเดินถนนลำบากด้วย เรียกว่างานคอสตูมที่เต็มไปด้วยสีสันคือจุดแข็งเรื่องนี้เอามากๆ
ด้านฉากที่ใช้ปารีสเป็นฉากหลัง เรื่องนี้พยายามนำเสนอภาพของมหานครปารีสในแง่บวกสุดๆ ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ แทบไม่มีการนำเสนอมุมมืดของปารีสออกมาเลย ตรงนี้พอเข้าใจได้ว่าต้องการเล่าถึงปารีสในแบบ Feel Good ขายฝัน แต่ก็เลยทำให้เรื่องนี้ขาดมิติของโลกเซตติ้งในเรื่องไปพอสมควร ส่วนงานโปรดักชั้นในซีซันสองอาจจะไปลงทุนกับเรื่องชุดคอสตูมและบางฉากซะเยอะ เวลาดูเลยรู้สึกได้ว่าภาพเมืองที่จริงแล้วมันเป็นฉากในสตูดิโอ จะเห็นได้ว่าส่วนนี้มีการใช้เทคนิคหลังเบลอเข้ามาช่วยค่อนข้างเยอะ
มีส่วนหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาค่อนข้างเยอะในเรื่องจนดูเหมือนจงใจก็คือ ฉากร้องเพลง เนื่องจากพาร์ทของเพื่อนนางเอกที่กลายเป็นนักร้องเต็มตัวไปแล้ว เลยทำให้มีฉากร้องเพลงเพิ่มขึ้นมาในแต่ละตอน ซึ่งทั้งซีซันรวมๆแล้วเฉพาะฉากร้องเพลงและฉากแนวมิวสิคคัล น่าจะใช้แอร์ไทม์ประมาณ 20-30 นาทีเลยทีเดียว
มีจุดน่าเสียดายที่บางอย่างของเรื่องนี้ที่อาจจะยังไม่สามารถทะลุปล้องขึ้นไปเทียบชั้นผลงานแนวผู้หญิงๆ ระดับคลาสสิกในอดีต อย่างเช่น Sex and the City (ทั้งที่คนสร้างก็คนเดียวกันนี่แหละ) และเรื่องอย่าง Gossip Girl แม้ว่าในมุมหนึ่งจะเป็นเรื่องที่มีศักยภาพจะไปถึงได้เหมือนกันในอนาคต หากว่ายังได้ทำต่อไปอีกหลายซีซัน และสามารถสร้างตัวละครใหม่ๆให้ออกมาน่าติดตามมากกว่านี้ เพียงแต่ดูแล้วคงยากหน่อยเพราะจุดด้อยสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องคือตัวเอกหลักที่มีเพียงคนเดียวคือเอมิลี่ เป็นคาแรคเตอร์ตัวแทนคนดูสาวๆที่ถูกเขียนออกมาในแบบกลางๆ ปนความ Cringe อยู่ไม่น้อย กล่าวคือถ้ามีการเพิ่มความสามารถอะไรอีกสักหน่อยตัวละครนี้ก็จะเข้าข่าย แมรี่ ซู แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นเพอร์เฟ็คเลิศเลอนัก แต่เอมิลี่ก็เป็นตัวเอกประเภทที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่แม้ว่าเรื่องจะพยายามนำเสนอว่า ปัญหาต่างๆ มันมีความหนักหน่วงมาก แต่สุดท้ายแล้วเราก็รู้ว่านางเอกคนเก่งของเราก็จะแก้ไขได้ ซึ่งวิธีการของเธอก็ไม่ได้พิสดารอะไรมากมาย ตรงนี้เลยอาจจะทำให้เรื่องดูขาดความเข้มข้นจริงจังในแง่การทำงานไปบ้าง เพราะดูเหมือนทุกอย่างเข้าทางตัวละครหมด แต่ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากก็ถือว่าเป็นงานแนวผ่อนคลายเบาสมองสำหรับสาวออฟฟิศที่ต้องเหนื่อยจากการทำงานในโลกความจริง ได้มาดูอะไรเบาๆแถมเต็มไปด้วยสีสันอย่างในเรื่องนี้บ้าง ในขณะที่บทชีวิตรักก็ถูกเขียนให้มีความยืดเยื้อ จนบางทีก็แอบน่ารำคาญกับเรื่องราวรักๆของนางเอกคนนี้อยู่บ้าง ทำให้ชีวิตรักของนางเอกเราดูจะมีความพายเรือวนในอ่างอยู่บ้าง แต่ซีซันนี้ก็มีการเพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาให้กับชีวิตรักของนางเอกอย่างน่าสนใจเหมือนกัน อีกทั้งการเดินเรื่องก็มีความสูตรสำเร็จอยู่เหมือนเดิม
รีวิว Emily in Paris season 2 มหานครแห่งความโรแมนติก
จะบอกว่าซีซันนี้เป็นการย้ำเตือนความโรแมนติกของปารีสด้วยเสียงเพลงก็คงไม่ผิด แต่คนที่นำความโรแมนติกมาสู่ซีซันนี้กลายเป็นหน้าที่ของแอชลีย์ พัก ในบทของมินดี้รูมเมตชาวจีนของเอมิลี่นี่เอง ก็สมดีกรีนักร้องนักเต้นของเธอเลยละค่ะ เราจะได้ฟังเพลงเพราะ ๆ มากมายแบบเต็มอิ่มจากเสียงร้อง และเรื่องราวของมินดี้กับผู้ชายของเธอ ที่เล่าเพิ่มเข้ามาแบบให้ความสำคัญเอามาก ๆ ซะด้วยสิ ทั้งเรื่องราวความรัก ดราม่าในชีวิตและแน่นอนเสียงร้องที่ไพเราะฟังเพลินที่เสิร์ฟออกมาตลอดทั้งเรื่องกันเลยเชียว รวมรีวิวหนัง
ส่วนนี้ตอกย้ำความหลงไหลของเอมิลี่ได้ดี ว่าชีวิตที่เธอมีอยู่ ณ ขณะนี้เป็นความสุขที่จับต้องได้ การงานที่ถึงแม้จะมีปัญหามาให้เธอแก้ได้อยู่ตลอดเวลาไม่ต่างจากซีซันที่แล้ว แต่ความสนุกสนานและชีวิตใหม่ที่รายล้อมอยู่รอบตัว เพื่อนแท้ที่เธอหาได้จากที่นี่ เพื่อนร่วมงานที่เริ่มเข้าขาและเห็นว่าเธอคือคนสำคัญคนหนึ่งขององค์กร ความเข้าใจในมหานครแห่งนี้ที่มีมากขึ้นจนสามารถแนะนำคนอื่นได้ และการตัดสินใจครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิด ก็กลายเป็นหัวเชื้อให้มีอะไรเล่าต่ออีกได้ใน ซีซัน 3
แต่ในเมื่อเรื่องนี้คือ EMILY IN PARIS เรื่องราวทั้งหมดก็เทไปที่เอมิลี่เพียว ๆ อยู่ดี ซีซันที่แล้วทิ้งไว้ด้วยความรักสามเส้า ซีซันนี้ก็สานต่อความสามเส้านั้นให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วยมิตรภาพใหม่ของเอมิลี่ และโฟกัสอยู่ในเรื่องราวเหล่านั้น จนแทบจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ‘รักวุ่นวายของยายเอมิลี่’ อยู่แล้ว และสิ่งที่ซีซันนี้เพิ่มเติมมากขึ้นไปอีกคือการจัดเต็มในส่วนของคอสตูม ที่เชื่อแน่ว่างบประมาณส่วนใหญ่ได้เทไปที่ชุดของเอมิลี่ ที่เปลี่ยนบ่อยเปลี่ยนเก่งยิ่งกว่านางแบบบนแคทวอล์กเสียอีก จนเกิดโลเคชันซ้ำ ๆ ที่วนเวียนเล่า แต่ก็ยังเหมาะสมอยู่ในบทของมันนั่นแหละ
แถมไปด้วยสีสันของชุดที่ฉูดฉาด โดดเด่นชนิดที่ผู้คนในปารีสไม่มีใครจัดจ้านเท่าเธออีกแล้วละจ้ะ และสิ่งที่ซีซันนี้ต่างออกไปอีกก็คือการทำให้ตัวละครอื่น ๆ มีบทบาทมากขึ้น เป็นการบอกว่าชีวิตของเอมิลี่มีคนเหล่านี้รายล้อมอยู่นะ สปอร์ตไลต์ดวงโตไม่ได้ฉายไปที่เธอเพียงคนเดียว และชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง เผยให้เห็นความสัมพันธ์ที่ชัดขึ้น จนสร้างความผูกพันในใจให้ตัวละครได้อย่างมีเหตุผลโดยไม่ลืมการจิกกัด เปรียบเปรยในเรื่องวิถีชีวิต ความคิด รสนิยมของชาวฝรั่งเศสกับฝั่งอเมริกาว่าต่างกันขนาดไหน โดยเฉพาะบทของ ‘ซิลวี่’ (Philippine Leroy-Beaulieu) บอสฝรั่งเศส ที่ต้องปะทะคารมณ์กับบอสฝั่งอเมริกา
แฟชั่นของ Emily
ซีซั่นนี้ Emily มาเต็มมาก มากกว่าซีซั่นแรกแน่นอน! ซีซั่นนี้ที่ปรึกษาคอสตูมคือ Patricia Field และดีไซเนอร์ Marilyn Fitoussi ที่มีสโลแกนในการดีไซน์เสื้อผ้าของ Emily In Paris ซีซั่น 2 คือ “เรากำลังทำซีรีย์โรแมนติค เราเลยไม่แคร์ความเป็นจริงใดๆ” Fitoussi บอกว่าสาวฝรั่งเศสปกติจะแต่งตัวสีเรียบๆ กัน ไม่ค่อยใส่ลายปรินท์ สำหรับสาวเฟรนช์แล้ว “ถ้าคุณแต่งตัวสีๆ และมีลายบนผ้าอีก คุณไม่ชิคแน่นอน” ในฐานะที่ Emily เป็นสาวอเมริกัน เธอเลยต้องแต่งตัวให้แตกต่างจากสาวเฟรนช์ แต่ในซีซั่นนี้ทีมงานตกลงกันว่า Emily ควรจะดุน่าค้นหาขึ้น เธอจะใส่เลเยอร์น้อยลง แต่หมวก ถุงมือ กระเป๋าแบรนด์เนมยังมีอยู่นะ เป็นคอมบิเนชั่นเสื้อผ้าของความเป็น “โอลด์แฟชั่น สาวมิดเวสเทิร์น ปาริเซียง และความมองโลกแง่ดีของเอมิลี่” และในความเป็นดีไซเนอร์ของ Fitoussi เธอบอกว่า “ฉันไม่สนในความแบรนด์เนม หรือความแพงใดๆ นะ สำหรับฉัน ฉันจะระบายสีคาแร็คเตอร์นี้ให้เข้ากับความเป็นเธอที่สุด”
Emily ซีซั่น 2 เธอเลยดูมิกซ์ขึ้น มีความปาริเซียงขึ้น และก็โชว์ความเป็นตัวเองออกมา ชุดง่ายๆ เสื้อสม็อคสีแดงกับกระโปรงสั้นกระดุมทองที่เธอใส่เดินคู่กับ Alfie หนุ่มอังกฤษ นั่นบอกความเป็นเด็กสาวในตัว Emily มาก แต่ชุดเดรสโบว์สีชมพูรอบตัวที่เธอใส่ในงานปาร์ตีวันเกิดตัวเอง ก็ดูมีความชิคแนวสาวไฮ-เอนด์ มีความทิฟฟานีเล็กๆ อยู่เหมือนกัน
แต่ถ้าสังเกตไปที่แฟชั่นอีกฝั่งของสาวปาริเซียงจริงๆ อย่างคาแร็คเตอร์ Sylvie และ Camille ทั้งสองแต่งตัวชิคสไตล์สาวเฟรนช์แท้จริง Sylvie ผู้ขโมยซีนตลอดเวลา ทุกชุดของเธอดูเหมือนเธอไม่คิดอะไรมาก ใส่ง่ายๆ แต่ชิค เท่ สง่าสุดๆ ส่วน Camille เธอก็มาแนวสาวเฟรนช์กึ่งๆ สาวบอนด์ สตรีท มีความไฮแฟชั่นที่เข้าถึงได้
ชุดที่เธอใส่ไปงานวันเกิดเอมิลี่นั่นคือเหมือนดีไซเนอร์ตั้งใจให้ตัดกันกับชุดของเอมิลี่มาก เธอใส่ชุดขาวเท่ๆ เข้ากันทั้งชุด ที่เสื้อมีความมาสคูลีนเหมือนมาทาดอร์ และอีพีนี้ล่ะที่เธอรู้ความจริงว่า เอมิลี่เพื่อนรักของเธอ มีอะไรกับ Gabriel แฟนเก่าของเธอ! รีวิวซีรี่ย์
ความรู้สึกหลังดู Emily in Paris ss2
บทตั้งใจให้เห็นความต่างอย่างทางความคิดและพร้อมจะบอกกับทุกคนว่า คนฝรั่งเศสใช้หัวใจทำงานและละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกแค่ไหน ซึ่งความละเอียดอ่อนนี้คนที่ให้ความสำคัญกับตัวเงินเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีวันเข้าใจ
เรียกว่าเป็นการเหยียดกันไปเหยียดกันมา จิกกัดแบบเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ตั้งใจกัดจนทำให้บทส่วนนี้ขาดชั้นเชิงที่ควรจะเป็นอย่างบอกไม่ถูก ก็แอบเสียดายอยู่นิด ๆ ในจุดนี้ เพราะเป็นเนื้อหาส่วนเข้มข้นของเรื่องที่จะเป็นจุดตัดสินใจในชีวิตของเอมิลี่เลยทีเดียว และจุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทั้งในด้านอาชีพการงานและความรักของเอมิลี่ ที่ปูทางเอาไว้ให้เล่าต่อใน ซีซัน 3
จะด้วยคำชมก็ได้ คำวิจารณ์ก็ดี สรุปแล้วต้องลองเป็นชมกันเอง งานนี้ดูสบาย 10 ตอนจบไปพร้อมกับความเอาใจช่วยเอมิลี่ให้ผ่านความอลเวงนี้ไปให้ได้ และที่แน่ๆ Emily in Paris ซีซั่น 2 จบแบบกระชากอารมณ์คนดูทิ้งความสงสัยก้อนใหญ่ให้ไปหาคำตอบต่อในซีซั่น 3 รีวิวหนังใหม่
หวังว่าเนื้อหาใน Emily in Paris Season 2 ที่เราเอามาฝากกันวันนี้จะทำให้ชาวอนันดาที่อะไรทำในวันหยุดเพิ่มขึ้นมา อย่างการเปิด Netflix พร้อมไวน์ดี ๆ สักขวด แล้วหัวเราะไปกับเรื่องราวความปั่นป่วนที่แสนจะเก๋ เท่ มีเสน่ของซีรีส์เรื่องนี้กัน เอาไว้มีหนังใหม่ หรือซีรีส์น่าสนใจเราจะเอามารีวิววิเคราะห์ให้ได้อ่านกันอีกนะครับรอติดตามกันได้เลย