รีวิว สงครามขีปนาวุธ

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

หนังไทยใหม่ล่าสุด สวัสดีครับก็ต้องยอมรับกันตรงๆที่ครั้งแรกนั้นผมได้รับชม trailer ต้องพูดตามตรงเลยว่าไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แถมยังมีแอบคิดไปด้วยว่านี่มันหนัง เกรด C ถึง B ทั้งพล็อตเรื่องและโปรดักชั่นต่าง ๆ สัมผัสให้นึกถึงไปในทำนองนั้น ไหนจะเห็นทีมนักแสดงที่แทบจะไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ แต่ปรากฏว่านี่คือหนังบู๊ที่แอบมีดีกว่าที่คิด นับตั้งแต่ 5 นาทีแรกของหนังที่ใส่จังหวะสนุกแบบต้องตบเข่า!

สปอยหนังไทย นี่เป็นหนังแอ็กชั่นบันเทิงย่อยง่ายที่เน็ตฟลิกซ์ทำมาเสิร์ฟได้พอเหมาะพอดีอย่างน่าชมเชย เรียกว่าครบรสทั้งฉากบู้บุ๋นที่ใส่มาตลอดเวลาอัดแน่นด้วยความบันเทิงกันเต็มท่ี แม้จะมีข้อด้อยตรงความไม่สมเหตุผลของตัวร้ายกับความเก่งเว่อร์ของนางเอกเกินขนาด แต่ความมันส์ที่เสิร์ฟมาต่อเนื่องก็ทำให้หยวน ๆ มองข้ามไปได้สบาย ๆ ครับ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

รีวิว สงครามขีปนาวุธ Interceptor มีชื่อไทยง่าย ๆ ว่า “สงครามขีปนาวุธ” เปิดเรื่องมาด้วยคำบรรยายว่า สหรัฐอเมริกามีฐานตรวจจับและป้องกันขีปนาวุธนิวเคลียร์อยู่ 2 แห่ง หน้าที่ของฐานนี้คือ คอยตรวจับขีปนาวุธที่มุ่งหน้ามายังสหรัฐฯ และจะยิงขีปนาวุธออกไปทำลายก่อนเข้าน่านฟ้าสหรัฐฯ ฐานแรกคือ ฟอร์ตกรีลีย์ อยู่ในรัฐอะลาสก้า และฐานที่ 2 คือ SBX-1 เป็นฐานที่อยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก แต่แล้วฟอร์ตกรีลีย์ก็โดนกลุ่มบุรุษลึกลับติดอาวุธบุกจู่โจมสังหารเจ้าหน้าที่จนหมดสิ้น พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ออนไลน์ว่า พวกเขาได้เข้าชิงขีปนาวุธนิวเคลียร์จากรัสเซียมาได้แล้ว 16 ลูก ตั้งจุดหมายปลายทางไว้ยัง 16 รัฐของอเมริกาไว้เรียบร้อยแล้ว เป้าหมายต่อไปของกลุ่มก่อการร้ายก็คือฐาน SBX-1 ที่นางเอกของเรื่องคือ กัปตัน เจ.เจ. คอลลินส์ (รับบทโดย เอลซ่า พาทากี้ (Elsa Pataky) ภรรยาตัวจริงเสียงจริงของ คริส เฮมส์เวิร์ธ) เพิ่งถูกส่งไปประจำการ

เรื่องย่อ

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับฐานสกัดกั้นขีปนาวุธ จะติดตามเรื่องราวของตัวละคร เจเจ คอลลินส์ (รับบทโดย เอลซา พาทากี) ทหารที่ถูกส่งกลับมายังฐานสกัดกั้นขีปนาวุธกลางทะเล ซึ่งฐานสกัดกั้นมีทั้งหมด 2 ที่ ปรากฎว่าเมื่อเธอมาถึงได้ไม่นาน ฐานทัพทั้ง 2 ที่ ได้ถูกโจมตีโดยเหล่าผู้ก่อการร้าย พวกเขาได้ส่งคนไปขโมยขีปนาวุธจากรัสเซียจำนวน 16 ลูก และหวังจะยิงถล่มอเมริกา แต่การที่จะทำให้สำเร็จนั้น ต้องทำลายฐานสกัดกั้นทั้ง 2 ซึ่งพวกเขาทำลายฐานสกัดกั้นที่อะลาสก้าได้สำเร็จ แต่ในฐานกลางทะเลมันไม่ง่ายแบบนั้น เพราะ เจเจ ทหารสาวสุดแกร่ง ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ทำสำเร็จ ภารกิจเดิมพันกับชีวิตประชาชนทั้งประเทศ สุดท้ายแล้วเธอจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Interceptor สงครามขีปนาวุธ (2022) รับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix สงครามขีปนาวุธพากย์ไทย

ความรู้สึกหลังดู

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

Interceptor ก็คือหนังแอคชั่นสไตล์เดิม ๆ เหมือนกับหนังเมื่อ 20 ปีก่อน ทิศทางเรื่องเดาไม่ยาก องค์ประกอบอะไรต่าง ๆ ง่ายไปหมด ก็กลายเป็นหนังที่ดูแล้วย่อยง่าย เป็นหนังที่มาเพื่อเชิดชูความแข็งแกร่งของผู้หญิง เป็นหนังบู๊สาวกล้าที่ทั้งโอเว่อร์และเก่งเกินจริง แต่ก็สามารถมอบอรรถรสที่ดูได้สนุกและเพลิดเพลินได้ดีแบบไม่ต้องคิดอะไร

“เอสซ่า พาทากี” มาแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อยู่หมัด แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้คุ้นชื่อเธอผู้นี้กันเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากบอกว่า เธอคนนี้คือภรรยาของซุปตาร์ “คริส เฮมส์เวิร์ธ” แน่นอนว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋อ อันที่จริงเธอก็มีประสบการณ์เล่นหนังมาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะ “Fast Five” หรือ “Thor: The Dark World” แต่คนยังไม่คุ้นกับหนังที่เธอมาเล่นแบบฉายเดี่ยวเช่นนี้ และการแสดงของเธอก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน

ขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ ก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานเช่นกัน เพราะตัวบทและคาแรกเตอร์ต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นและให้ความสำคัญมากนัก ไม่ว่าจะเป็น “ลุค บราซีย์”, “แอรอน เกลนน์”, “มาเยน เมตตา” หรือ “พอล แคซาร์” ไม่เพียงเท่านั้นคุณจะได้พบกับเซอร์ไพรส์เด็ด ๆ ที่ซ่อนเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ แบบต้องร้อง “อุ้ย!” เป็นเสียงหนุ่ม กรรชัย

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Interceptor จัดได้ว่าเป็นหนังแอคชั่นสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ ที่หาอะไรแปลกใหม่ไม่ได้เลย พล็อตง่าย ๆ และเชยสะบัด ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังเกรดบีหรือหนังบู๊เก่า ๆ ที่ชอบเอามาฉายตอนเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ตัวหนังกลับเล่าเรื่องได้สนุกและลุ้นระทึกได้ดี เป็นหนังที่ผู้ชมจะสามารถเอ็นจอยกันมันได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องคาดหวังอะไรเลย สงครามขีปนาวุธ รีวิว

รีวิว สงครามขีปนาวุธ

รีวิว สงครามขีปนาวุธ หนังเปิดเรื่องและเดินเรื่องอย่างรวดเร็วฉับไว หลังแนะนำตัวนางเอกหญิงแกร่งของเรื่องได้ไม่ทันไร กลุ่มคนร้ายก็เปิดตัวทันที กำลังจะเริ่มแผนการบุกเข้ายึดห้องควบคุม พอดีที่คอลลินส์แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน รีบขังตัวเองและเจ้าหน้าที่อีก 2 นายไว้ในห้องควบคุม

ทางกองทัพสหรัฐฯ ทราบเรื่องก็รีบส่งหน่วยซีลมาสมทบ แต่ต้องใช้เวลาเดินทางมายัง SBX-1 ถึง 90 นาที จึงเป็นภาระหน้าที่ของคอลลินส์ ที่ต้องยับยั้งการบุกรุกของกลุ่มผู้ก่อการร้ายไว้ไม่ให้บุกเข้ามาได้ก่อนที่หน่วยซีลจะมาถึง ซึ่งระหว่างนี้ อเล็กซานเดอร์ เคสเซิล หัวหน้าทีมก่อการร้ายก็พยายามหาทางบีบบังคับให้คอลลินส์ยอมเปิดประตู ทั้งจับตัวประกันขู่ฆ่า ทั้งเสนอเงินรางวัลก้อนโต ขณะเดียวกันก็ส่งลูกสมุนให้บุกเข้าห้องมาช่องทางนั้น ช่องทางนี้ ทำให้หนังได้สอดแทรกฉากต่อสู้เป็นระยะ ๆ

ไม่รู้ว่าฝ่ายก่อการร้ายมีอยู่กี่คนกัน เห็นโผล่มาให้นางเอกจัดการทีละคน ทีละคน ไปเรื่อย ๆ ก็เห็นได้ชัดว่าหนังเน้นขายฉากต่อสู้เป็นหลัก มีการออกแบบฉากต่อสู้ที่ผ่านกระบวนการคิด วางแผน ให้ใช้ทั้งอาวุธ มือเปล่า และข้าวของรอบตัว แต่ก็มองเห็นได้ชัดว่าเล่นกันตามคิว

ซึ่งในวันนี้วิทยาการงานสตันท์ในวงการหนังฮ่องกงได้ถ่ายทอดไปถึงฮอลลีวูดแล้ว ฉากต่อสู้ในหนังช่วงหลัง ๆ จึงออกมาสมจริงหนักหน่วงกันอย่างมาก พอเรื่องไหนทำได้ไม่ถึง จึงเห็นได้ชัด อย่างใน Interceptor นี่ก็เช่นกัน ที่น่ารำคาญมากก็คือดนตรีประกอบซึ่งพยายามบิลท์เหลือเกิน ดังและล้ำหน้าความตื่นเต้นของภาพในฉากนั้น ๆ ไปมาก ดูแล้วไม่เข้ากัน คุณภาพอย่างกับละครหัวค่ำบ้านเรา ที่มักขโมยดนตรีประกอบต่างชาติมาใส่แบบเวอร์วัง

จะว่าไป Interceptor ก็มาในสูตรสำเร็จของหนังแอ็กชันฮอลลีวูดนะ กับการเขียนให้พระเอกจำเป็นไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาในสถานที่ปิดล้อม แล้วก็เป็นสูตรที่มักจะประสบความสำเร็จเสียด้วย อย่างเช่นใน Die hard 1, Die Hard 2, Sudden Death, Under Siege 2: Dark Territory แต่ที่สำคัญหนังจะต้องมีบทที่ดี และผู้กำกับที่มีประสบการณ์ แต่กับ Interceptor ไม่มีทั้งสองอย่าง หนังน่าจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการภาพยนตร์เลยล่ะครับ ที่ผู้กำกับมาจากนักเขียนนิยาย แมทธิว ไรลีย์ (Matthew Reilly) เป็นนักเขียนนิยายแนวแอ็กชันชาวออสเตรเลีย ที่มีผลงานตีพิมพ์มาแล้วหลายสิบเล่ม เนื้อหาของเขามักจะมาแนวอย่างที่ว่านี่แหละ พระเอกของเรื่องมักจะไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา ต้องกลายเป็นฮีโรจำเป็น หยุดสงครามขีปนาวุธ

สรุป

Interceptor เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนังสัญชาติออสเตรเลียก็ไม่ผิด เพราะนักแสดงก็เป็นออสเตรเลียล้วน ๆ ผู้กำกับ เขียนบท ก็ออสเตรเลีย แถมหนังก็ยังถ่ายทำกันในออสเตรเลีย ใช้นักแสดงหลักไม่ถึง 10 คน ฉากส่วนใหญ่ก็เป็นฉากภายในห้องบังคับการ ใช้ทุนสร้างไม่เกิน 15 ล้าน ถ้าไม่มีหน้า คริส เฮมส์เวิร์ธ โผล่มา Interceptor ก็คือหนังเกรดบีเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นยุคก่อนก็คือหนังที่สร้างลงดีวีดีนั่นแหละ

หนังยังคงสูตรสำเร็จของหนังแอ็กชัน ด้วยการเล่นกับวินาทีฉิวเฉียดแบบเสี้ยววินาที ก็พอได้ลุ้นหน่อยนึง เพราะเราก็รู้กันอยู่แล้วล่ะว่ายังไงก็ทัน หนังพอให้ความบันเทิงได้ ไม่ถึงกับเสียเวลาดู แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เส้นเรื่องคาดเดาได้หมด ดูไปทำนู่นทำนี่ไปได้ เดินไปหยิบขนม เข้าห้องน้ำ กลับมาดูต่อก็รู้เรื่อง interceptor สงครามขีปนาวุธ hd

One thought on “รีวิว สงครามขีปนาวุธ

  1. Pingback: รีวิว slr กล้องติดตาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น