รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

สวัสดีครับวันนี้ผมมาแนะนำหนังไทย ภาพยนตร์เรื่อง อโยธยา มหาละลวย สปอยหนังไทย ที่แค่เห็นโปสเตอร์ก็รู้สึกว่า หนังมันคงจะสนุกแน่เลย แต่ปกหนังเองก็แอบ เหมือนหนังจีนนิดนึงครับ หนังไทยใหม่ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่นำแสดงโดย เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข และ โบว์-เมลดา สุศรี ภาพยนตร์รัก-แอ็กชั่นแฟนตาซี ดูหนังออนไลน์  เต็มไปด้วยกลิ่นไอความรักและมนต์คาถา ที่มีฉากหลัง ดูหนังฟรี เป็นความขัดแย้งในสมัยอยุธยา เล่าเรื่องราว “สมัยอโยธยา” ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ที่มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติมากเป็นพิเศษ ทำให้อโยธยาช่วงนั้นมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ช่วงปลายปี บ้านเรามีหนังไทยหลายเรื่องแย่งกันเข้าฉาย ส่วนหนึ่งอาจเพราะอัดกันมาจนต้องขยับมาฉายชนในช่วงเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ หนังไทยที่อิงประวัติศาสตร์เบาๆ แต่เน้นเล่าเรื่องรักเป็นหลัก หนังเรื่องนี้ อโยธยา มหาละลวย ด้วยการนำพระเอกชื่อก้องอย่าง จิรายุ ตั้งศรีสุข มาประกบกับนางเอกขวัญใจคนใหม่อย่าง เมลดา สุศรี พ่วงด้วยดาราวัยรุ่นมากมาย น่าจะทำให้หนังทำรายได้ดี บวกกับหยิบจับเอาประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยอโยธยามาผูกเรื่องราวในเชิงโรแมนติกเข้าไป จึงดูน่าสนใจไม่น้อย

ประเภท: แอคชั่น / โรแมนติก
ผู้กำกับ: ภวัต พนังคศิริ
ความยาว: 119 นาที
นำแสดงโดย: จิรายุ ตั้งศรีสุข, เมลดา สุศรี, สพล อัศวมั่นคง
กำหนดฉายในไทย: 2 ธันวาคม 2021 (ในโรงภาพยนตร์)

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย อโยธยา มหาละลวย อ โยธ ยา มหาละลวย เต็มเรื่อง ผลงานการกำกับของ ‘ภวัต พนังคศิริ’ ที่แจ้งเกิดจากการกำกับละครพีเรียด ‘บุพเพสันนิวาส’ และ ‘เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ’ (2563)

ตัวเรื่องเล่าเรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ปลายราชวงศ์ปราสาททอง) ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมายที่เข้ามาอาศัยและทำงานถวายบนแผ่นดินอโยธยา ‘ออกญาคชบาล’ (ศรุต วิจิตรานนท์) ได้กระทำตามสัจจะที่ให้ไว้แก่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ต้นราชวงศ์ปราสาททอง) ว่าจะออกกวาดล้างตระกูลชาวญี่ปุ่น ‘ยามาดะ’ ที่ถวายความจงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (ราชวงศ์สุโขทัย) เพื่อหวังไม่ให้ก่อการกบฏ

เหลือแต่เพียงเด็กน้อย ‘เรียวสึ’ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ที่รอดชีวิตมาได้ และได้รับการชุบเลี้ยง สอนวิชาคาถาอาคมให้ เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาและ ‘ทอง’ (สพล อัศวมั่นคง) วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงตามอบให้ จึงต้องออกตามหาแม่ที่แท้จริง พร้อมกับตามหา ‘ออสายสร้อย’ (เมลดา สุศรี) อี้จี (คณิกาชั้นสูง) ผู้งดงามประจำโรงชำเรา ที่กำลังถูก ‘ขวัญ’ (ธนบดี ใจเย็น) บุตรของออกญาคชบาลชิงตัวไป โดยมีชาวอินเดียอย่าง ‘อาซิม’ (พงศกร วงศ์เพียร) และ ‘จีนล้ง’ (วิศรุต หิมรัตน์) เพื่อนชาวจีนคอยตามติดไปช่วยเหลือเรียวสึด้วย

เรื่องย่อ

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

อโยธยา มหาละลวย เป็นเรื่องราวของ เรียวสึ ชายหนุ่มที่มีความเป็นมาคลุมเครือ เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยหลวงตา ซึ่งสอนให้เขาได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ และเวทมนตร์คาถา เพื่อใช้ป้องกันตัวในวันข้างหน้า ในวันที่เขาต้องการตามหาแม่ และตามหานางในดวงใจ ออสายสร้อย หลวงตาได้มอบหมายให้ ทอง เดินทางไปพร้อมกันเพื่อคอยดูแลกันและกัน

ระหว่างการเดินทางพวกเขา ตกกระไดพลอยโจนต้องช่วย 2 คู่หู อาซิม และ จีนล้ง ที่ก่อเรื่องไว้ที่โรงชำเราชาย ที่นี่เองทำให้ เรียวสึ ได้พบกับ ออสร้อย อีกครั้ง

แต่ทว่า ด้วยความงามของ ออสร้อย เป็นที่ต้องตาของ ขวัญ ซึ่งเป็นบุตรชายของออกญาคชบาล ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในอโยธยา ทำให้เรียวสึพยายามทำทุกทาง เพื่อชิงตัวออสร้อยคืนมา วิทยายุทธที่ เรียวสึ สั่งสมมา อาจไม่เพียงพอ บางครั้งอาจต้องพึ่งพามนตร์คาถาที่เรียวสึเรียนรู้ทั้งชีวิต เพื่อจะช่วงชิงตัวและหัวใจออสร้อย กลับมาเป็นของเขาได้อีกครั้ง

ความประทับใจหลังรับชม

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

ในที่สุดแล้ว อโยธยา มหาละลวย ก็ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาเดิมๆ อโยธยามหาละลวย ดูได้ที่ไหน ของหนังไทยที่ประสบกันอยู่แทบจะทุกเรื่อง หลายองค์ประกอบของหนังที่ยังทำได้ไม่ถึง ออกมากลายเป็นหนังที่ไปได้ไม่สุดสักทาง ถึงแม้ว่าคอนเซ็ปต์ของหนังค่อนข้างน่าสนใจ พร้อมกับปูเรื่องเชิงประวัติศาสตร์ได้อย่างใคร่รู้ แต่เมื่อนำมาร้อยเรียงและถ่ายทอดออกเป็นหนังเกือบ 2 ชั่วโมง มันกลายเป็นเพียงหนังที่มีรสชาติจืดชืด ที่พอกินได้แต่ไม่ค่อยอร่อยเลย

จริง ๆ แล้วจะเห็นว่าตัวหนังมีจุดเด่นสำคัญคือเรื่องของการหยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีบันทึกอยู่จริงมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจครับ อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดินพระนารายณ์

รวมทั้งตัวละครที่สร้างขึ้นจากบุคคลจริง เช่น ‘ออกญาคชบาล’ ที่จะครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระเพทราชา’ (ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พระเพทราชาในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ก็แสดงโดย ศรุต วิจิตรานนท์ ด้วยเช่นกัน) ส่วน ‘ขวัญ’ (ธนบดี ใจเย็น) บุตรชาย ก็หยิบเอาคาแรกเตอร์มาจาก ‘เดื่อ’ ที่จะขึ้นครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8’ หรือ ‘พระเจ้าเสือ’ ที่ครองราชย์ต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเอง

บทหนังยังคงเป็นปัญหาหนักของหนังเรื่องนี้ โครงเรื่องวางเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ถึงจะมีเนื้อหาจริงๆ อยู่เพียงหยิบมือเดียว แต่ด้วยบทที่ค่อนข้างอ่อนเป็นทุนเดิม มาผนวกกับการร้อยเรียงเล่าเรื่องแบบตัดแปะไปตลอดทาง จึงทำให้ อโยธยา มหาละลวย แทบจะไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักเท่าไหร่

การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างแบบราบ ปูเรื่องได้ค่อนข้างเชยและช้า หนังฉายผ่านไปจะเป็นชั่วโมงก็รู้สึกเหมือนกับเคลื่อนที่ไปได้แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และที่ชวนสะพรึงที่สุดก็คือฉากต่อเพลงกัน ส่วนตัวคิดว่าถ้าหากว่าไม่มีก็น่าจะดีกว่า

อีกหนึ่งสิ่งที่รู้สึกเสียดายในตัวหนัง อโยธยา มหาละลวย เป็นอย่างมากก็คือ การใช้คาแรกเตอร์ตัวละครของเรื่องได้ว่าไม่คุ้มค่า ต้องยอมรับว่าหนังได้นักแสดงและมีตัวละครน่าสนใจเยอะมาก แต่กลับล้มเหลวในการนำเสนอทั้งหมด บทหนังที่ไม่ได้มีการส่งเสริมสักคาแรกเตอร์เดียว อารมณ์เหมือนดูละครที่ยังไม่รีบขับเสน่ห์ตัวละครออกมาใช่ โดยที่อาจจะลืมไปว่านี่เป็นหนัง ที่มีเวลาจำกัดในการนำเสนอ

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย จะเห็นว่าตัวหนังมีจุดเด่นสำคัญ อโยธยามหาละลวย ดูได้ที่ไหน คือเรื่องของการหยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีบันทึกอยู่จริงมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจครับ อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดินพระนารายณ์

โดยที่ผู้กำกับ (ภวัต พนังคศิริ) เองได้หยิบเอาเกร็ดเบี้ยบ้ายรายทางจากในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่เคยกำกับเอาไว้ และที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์มารวมกัน พร้อมกับแต่งเรื่องขึ้นใหม่ ซึ่งเกร็ดประวัติศาสตร์นี่แหละที่ผู้เขียนมองว่าเป็นจุดเด่นที่ทำได้ค่อนข้างดีเลยครับ เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ น่าค้นหาเรื่องอ่านต่อเลยแหละ

โดยเฉพาะเกร็ดเกี่ยวกับชาวต่างชาติในอโยธยา หรือการเรียก ‘ออสายสร้อย’ ว่าเป็น ‘อี้จี’ ที่เป็นคณิกาชั้นสูงที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์จีนมาผสมผสานใหม่ รวมทั้งการผสมผสานเรื่องของคาถาอาคม คาถา รอยสัก ของขลัง อย่างที่หน้าหนัง จั่วหัวเอาไว้ว่าหนังเรื่องนี้เป็น ‘ภาพยนตร์รักสายมู’ (มูเตลู) ซึ่งมันก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย

บทสรุป

โดยรวมแล้ว สำหรับแฟน ๆ ของ ‘เจมส์ จิรายุ’ และ ‘โบว์ เมลดา’ ก็น่าจะชื่นชอบ อโยธยามหาละลวย เจ๊ง การแสดงของทั้งคู่นะครับ เพราะโดยรวม ๆ ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอาเพลิน ๆ หรือดูแล้วก็อาจจะเกิดความอยากไปศึกษาด้านประวัติศาสตร์อยุธยาต่อ อะไรแบบนี้ แต่ด้วยบทและการตัดต่อที่มีปัญหา ธีมสายมูที่ดูจะยังไม่ค่อยจริงจังลงลึกเท่าที่ควร รวมทั้งไดอะล็อกและการแสดงที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังมูเตลู ที่ยังไม่ทันท่องมนต์จบ ก็ดันเป่าเสกคาถาโอมเพี้ยงเสียก่อนแล้ว

ถือว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ได้แคสติ้งนักแสดงที่ดี แต่ปัญหาหลักอย่างบทหนังยังคอยฉุดรั้งหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างเสียดาย ความไม่ชัดเจนในการเล่าเรื่อง อยากจะเป็นหนังรักก็เป็น อยากเป็นหนังบู๊ก็เป็น เมื่อนำมาผสมรวมกันแล้วว่า อโยธยา มหาละลวย จึงเป็นเพียงหนังพีเรียดที่หยิบเอาความเป็นละครในหลายเรื่องๆ มายำเอาไว้

ถึงจะพยายามชูคอนเซ็ปต์ในเรื่องคาถาความเชื่อต่างๆ แต่ก็ใส่เข้ามาแบบไม่ได้เน้นจริงจังอะไร จึงทำให้หลายๆ อย่างในหนังเรื่องนี้ยังโคลงเคลงไปมาตลอดทางที่ลัดเลาะริมฝั่ง ส่วนตัวแอบผิดหวัง ขอให้ 5/10

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น