รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทยอีกเรื่องที่ประสบความสำเร็จอีกเรื่องนึงก็คงจะเป็นเรื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษต่างจากหนังไทยเรื่องอื่นๆมากนัก โรแมนติกคอมเมดี้ ดูหนังออนไลน์ ซึ่งเรื่องล่าสุดของไทยที่เพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ก็คงจะเป็น อ่า เรื่อง รัก 2 ปี สปอยหนังไทย ยินดีคืนเงิน จากผลงานการกำกับภาพยนตร์แบบเต็มตัวเรื่องที่สองของ โจ้ วิรัตน์ เฮงคงดี ซึ่งเคยฝากเรื่องราว หนังไทยใหม่ล่าสุด ความสนุกสะท้อนชีวิตจริงในโลกการทำงานของมนุษย์เงินเดือนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ใน ยอดมนุษยเงินเดือน (2012) ล่าสุดนี้เขาก็ยังนำเอาเรื่องราวส่วนหนึ่งจากการทำงานมาถ่ายทอดบนจอเงินอีกครั้ง ดูหนังฟรี เพียงแต่อาจจะไม่เข้มข้นเท่ากับเรื่องแรก ซึ่งในเรื่องนี้ได้นำเสนอความรักเป็นแกนหลัก ในหนังเรื่อง “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)” เริ่มมาจากตัวละครอย่างแทน (ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโณทัย) นักคณิตศาสตร์ประจำบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่คิดว่า “ความรักนั้นมีวันหมดอายุ” ไม่ต่างอะไรจากอาหาร ประกอบกับการที่เขาถูกแฟนสาวของตัวเองบอกเลิก ไอเดียที่ว่า ถ้าหากผู้ถือกรมธรรม์ที่คบหาดูใจหรือแต่งงานกันในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 2 ปี พวกเขาจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนและดอกเบี้ยอีก 30% ความเชื่อมั่นในเชิง “สถิติ” จากการสำรวจอัตราการหย่าร้างของคนไทย ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า กรมธรรม์นี้จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

เรามักจะได้ยินประโยคที่ว่า “เพราะชีวิต คือความไม่แน่นอน” อยู่บ่อยครั้ง เราอาจจะพบว่าคนรู้จักรอบตัวเรา ป่วย ไม่สบาย หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตไปโดยที่ ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว ความไม่นอนดังกล่าวทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทประกัน ที่ออกกรมธรรม์ต่างๆ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของชีวิตเหล่านั้น เพียงเพราะผู้ซื้อประกันจะได้รับเงินชดเชย หรือกระทั่งการดูแลในยามที่เราประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน เดิมทีบทหนังเขียนโดย คิม มินยอง กับ ชเว จินวอน นักเขียนบทชาวเกาหลี ซึ่งทางโปรดิวเซอร์อย่าง โยนู ชเว ก็เลือกมาพัฒนาบทกับทางซีเจ เมเจอร์ และ เวิร์คพอยต์ โดยให้ทาง วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้กำกับยอดมนุษย์เงินเดือน และ รายการดังของเวิร์คพอยต์มากำกับ ซึ่งจุดเด่นที่สุดของไอเดียเรื่องคงหนีไม่พ้นทัศนคติแบบแอนตี้โรแมนติกของตัวละคร แทน ที่คำนวนทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ความรัก

ซึ่งหากทำได้ถึงเชื่อว่านี่น่าจะเป็นหนังโรแมนติกพลอตก้าวหน้าสไตล์เกาหลีเทียบเคียง My Sassy Girl (2001) ได้เลย แต่น่าเสียดายว่าพอเดินทางมาเป็นหนังไทย ตัวหนังกลับกลายร่างเป็นเพียงหนังโรแมนติกเล่าเรื่องธรรมดาผสมกราฟิกให้พอตื่นตาสไตล์หนังอย่าง Stranger Than Fiction (2006) เท่านั้นเอง

โดยหนังดันไม่ลงลึกหรือเล่นกับรายละเอียดประกันมากพอว่ารูปแบบการชำระเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่บริษัทจะให้เป็นแบบไหนถ้าเลิกกันก่อน2ปี รู้แค่ว่ารักให้ถึง 2 ปีประกันจะคืนผลตอบแทนให้ 30% และ พอรายละเอียดไม่มากพอความน่าเชื่อถือก็ลดลง ทีนี้การนำมาเชื่อมโยงกับปมปัญหาที่ว่าความรักคนเรามีอายุแค่ 2 ปีจริงเหรอ? เลยไม่ทำงานกับคนดูอย่างที่มันควรจะเป็นนัก

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

หนังเดินเรื่องโดยมีพระเอก-นางเอก ที่ความคิดต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ดันมีหลายจุดที่เหมือนกันจนผมหัวเราะกับการเสียดสีของหนังเรื่องนี้ รัก2ปียินดีคืนเงิน เต็มเรื่อง พากย์ไทย เอาจริง ๆ หนังมันมีทั้งจิกกัดตัวเอง จิกกัดสังคม ทั้งแบบกัดเนียน ๆ และ หลอกแซะแบบคมคายพอสมควร ทำให้การดูหนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่บันเทิงมากสำหรับผม เพราะหน้าหนังมันเป็นหนังตลก โอเวอร์เกินจริง แต่แทบทุกอย่างมันวนกลับมาแซะโลกจริง ๆ แทบทั้งหมดเลย

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

แน่นอนว่าดูจากหน้าหนังแล้วคงไม่ยากที่จะเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะหนังก็ยังคงไม่ได้ฉีกแนวไปจากความโรแมนติกคอมเมดี้เหมือนเรื่องอื่น ๆ เพียงแต่ได้มีการนำเสนอเรื่องกรมธรรม์ประกันความรักขึ้นมาเป็นกิมมิกให้น่าสนใจ ซึ่งถือทำออกมาได้ค่อนข้างดีแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้อยู่ในหลักความจริงที่จะเป็นไปได้เลยก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเงื่อนไขของประกันนี้มีส่วนทำให้หนังน่าสนใจไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ทำให้อยากรู้ต่อไปว่ามันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

ในส่วนของความโรแมนติกคอมเมดี้นั้นก็ถือว่าสอบผ่าน ยินดีคืนเงิน ภาษาอังกฤษ หลาย ๆ ฉาก หลาย ๆ ตอนทำออกมาถูกจังหวะฮามาก แถมยังมีการพยายามไทอินรายการต่าง ๆ ของผู้กำกับเข้ามาให้มีสีสัน ซึ่งก็ถือทำออกมาได้ไม่น่าเกลียดแต่ก็ไม่ค่อยเข้ากันอย่างที่คิด เช่น รายการแร็ปเปอร์ที่พยายามเชื่อมโยงให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของนางเอก นอกจากนั้นต้องขอชื่นชมในส่วนของนักแสดงตัวประกอบที่นำเอาคาแรคเตอร์ของแต่ละคนเข้ามาแบบพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อย ไมแย่งซีนจนเกินไป

หนังมีซีนเด่น ๆ ที่ทำให้ชอบเยอะมาก ทั้งพาร์ทดราม่า ตลก และ โมเมนท์น่ารัก ๆ ของตัวประกอบในหนังเยอะมาก เป็นหนังที่นักแสดงประกอบควรได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงสมทบเลยทีเดียว เพราะความที่หนังเกี่ยวพันกับความรักหลายคู่ แต่แทบทุกคู่คือไม่มีจืดเลย และ หนังยังเก็บรายละเอียดได้ดี หลาย ๆ จุดที่เล่าไปแล้ว มีการวนเอากลับมาใช้ซ้ำ เรียกว่าเก็บทุกเม็ดจริง ๆ

ส่วนในครึ่งหลังที่หนังเริ่มมาเล่าความสัมพันธ์ของ แทน กับ จี๊ด ก็ดันมาแบบงง ๆ โดยสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างประทับใจกัน คนดูได้แต่สงสัยว่า เฮ้ย! แกมองกันไม่ออกตั้งแต่แรกเหรอ แถมการวางปมอุปสรรคช่วงท้ายยังเหมือนดูยัดเยียดให้หนังหักมุมสไตล์หนังเกาหลีที่ต้องการให้คนดูสัมผัสรสเศร้าก่อนจะปลอบประโลมภายหลัง

แต่ด้วยความที่หนังเล่าด้วยจังหวะที่ไม่คงเส้นคงวาทั้งเรื่อง แถมผู้กำกับยังไม่แม่นยำในแนวหนังที่ตัวเองกำลังทำ เลยยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่หนังวางไว้นัก แถมช่วงท้ายที่พยายามเอาคอนเทนต์ RAP IS NOW หรือ แรปอิสนาว ของเวิร์คพอยต์เองมาเป็นจุดพลิกผันของเรื่องยังทำให้เห็นความไม่พร้อมของนักแสดงในการเพิ่มทักษะที่หวังให้เป็นเสน่ห์ตัวละครจนพระเอกดูเอ๋อไปเลย

ส่วนที่เราไม่ชอบคือนางเอกดันชอบเพลงแร็ป หนังเลยมีเพลงแร็ปเยอะไปหน่อย ซึ่งไม่ใช่เพลงแนวที่ผมชอบฟัง ฮ่า ๆ ๆ นอกจากนี้ก็คือหนังมีวัตถุดิบที่ดีเยอะเกินไป คือมันเหมือนจะดี แต่เมื่อเราอิ่มท้องแล้ว เราก็ไม่ได้อยากกินต่อ หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน คือแอบรู้สึกว่าหนังมันยาวเกินไปนิด แม้จะมีจุดดีเยอะก็ตาม แต่หลายจุดที่จบได้ หนังก็ยังไม่จบ และ เดินเรื่องต่อ แม้มันจะดี แต่เราก็ยังรู้สึกว่า อ้าว! ยังไม่จบอีกเหรอ อยู่ดี

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2ปี ยินดีคืนเงิน โดยบาดแผลสำคัญคงหนีไม่พ้นการที่หนังดันไปเน้นที่ มิชชั่นในการตามเคสประกันมากกว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างแทน ไม่พอใจยินดีคืนเงิน ภาษาอังกฤษ กับจี๊ดที่กว่าหนังจะคิดได้ก็ปาไปครึ่งเรื่องแล้ว แถมเคสแต่ละเคสก็ยังเป็นเคสเดาง่าย ๆ

แม้จะพลิกบ้างเช่น แม่สามีกับลูกสะใภ้เน็ตไอดอล คุณหมอเจ้าของร้านกาแฟกับกัปตันที่ฝ่ายหญิงดันมีอดีตกับแทน (แต่ดูแถให้เกี่ยวข้องกันมากเลย) หรือจะเป็นเจ๊เจ้าของร้านเครื่องสำอางกับเทรนเนอร์ฟิตเนส เพื่อพิสูจน์ว่า ทัศนคติของสังคม, อดีตของคนรัก หรือแม้แต่วัย จะชนะอุปสรรคของความรักได้หรือไม่

แน่นอนละว่าหนังโลกสวยพอจะให้ทุกเรื่องราวจบลงอย่างแฮปปีเอนดิงอยู่แล้วแต่กลับไม่ได้ทำให้คนดูเชื่อหมดใจเหมือนหนังโรแมนติกดี ๆ สักเรื่อง ซ้ำร้ายเรายังรู้สึกว่าบทหนังมักง่ายที่ไม่ได้เจาะลึกหรือให้มิติกับปัญหาความรักในปัจจุบันนักทั้งที่คอนเซปต์ของเรื่องสามารถเดินไปสู่การวิพากษ์ปมปัญหาความรักในยุคดิจิทัลที่ยังคงมีเรื่องความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยมไปอย่างน่าเสียดาย

แม้ว่าบอร์ดบริหารอาจจะยังคงกังขากับกรมธรรม์นี้ แต่แทนก็ได้ตั้งสมมติฐานเป็นกราฟที่แสดงจุดตัดแกน X และ แกน Y ระหว่างคนที่รักกัน และ คนที่เลิกกัน ในระยะเวลาหนึ่ง และ ความบังเอิญ (ตามแบบฉบับหนังโรแมนติกคอมเมดี้) เมื่อจี๊ด (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) หญิงสาวที่ย้ายงานมาจากบริษัทหาคู่ได้กลายมาเป็นลูกทีมของแทนเพื่อรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับกรมธรรม์ แน่นอนว่าทั้งสองคนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในตอนแรก

ความน่าสนใจของ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)” อยู่ตรงประเด็นที่ว่า ระหว่างทางของเรื่องที่หนังทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างแทน และ จี๊ด ในมุมมองของความรักที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาได้เจอกับเคสต่าง ๆ ของลูกค้าประกันรักสองปีทวีทรัพย์ ที่มีทั้งรัก ทั้งผิดหวัง สับสนในความสัมพันธ์ ทั้งสองก็เริ่มกลับมาสำรวจแง่มุมความรักของตัวเอง และ ตกผลึกทีละเล็กทีละน้อย เริ่มทำความเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น

บทสรุป

เป็นเรื่องราวสงครามความรักของ แทน พระเอกหนุ่มผู้มองความรัก เป็นเพียงตัวเลข สถิติ และ การคำนวณ ด้วยการเอาความรักมาออกกรมธรรม์ ประกันความรัก กับ รัก 2 ปี ทวีทรัพย์ และ ไม่เชื่อว่ามีรักแท้ และ อีกฝ่ายหนึ่ง จี๊ด นางเอกสาวผู้ศรัทธาในความรักอย่างสุดซึ้ง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน เรื่องย่อ เห็นความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และ ไม่สามารถคิดคำนวณได้ จึงเกิดสงครามการพิสูจน์ สถิติรัก กับ รักแท้เป็นหนังไทยที่ทำได้แปลกใหม่จากที่เราเคยได้ดู ซึ่งเป็นหนังที่ดูแล้วสนุก และ มีมุขตลก เบาสมอง แต่แฝงด้วยข้อคิดเป็นหนังที่มีเนื้อหาที่เข้มข้น น่าติดตาม มีความหลากหลายของอารมณ์ ทั้งเศร้า ดราม่า และ ตลก

จัดว่าเป็นหนังดีมีคุณภาพเลยทีเดียวตัวหนังเองค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำให้เราเชื่อไปกับโลกของตัวละครในเรื่อง ที่ไม่ว่าจะดู “เสมือนจริง” แค่ไหนก็ตาม แต่ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน” ก็ยังอยู่ในหมวดหมู่หนังรักแฟนตาซี ที่มีหลากหลายรสชาติของความรัก

แต่ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ทำให้คนดูฉุกคิดได้เหมือนกันว่า ในทุกการตัดสินใจกับความสัมพันธ์ระหว่างคนเรานั้น จำเป็นแค่ไหนกันที่จะหยิบเอาข้อมูล “สถิติ” ของคนอื่น มาตัดสินความสัมพันธ์ของเราเอง ในเมื่อความรักนั้นเป็นเรื่องของคนแค่สองคน หาใช่คนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลก ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ถือว่าเป็นหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ดูแล้วสนุก และ ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น