รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

หนังไทยใหม่ล่าสุด จากรุ่นสู่รุ่น จากคณะหนึ่งสู่อีกคณะ จากมหาวิทยาลัยสู่อีกมหาวิทยาลัย เมื่อตำนานไม่มีวันหยุดเล่า เรื่องเล่าจึงไม่มีวันหยุดหลอน ในเทอมที่สองสุดสยองขวัญแล้วใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ค่ายสหมงคลฟิล์มอาจจะไม่ใช่ค่ายเบอร์หนึ่งหนังไทยในยุคนี้ ยิ่งการประกาศโปรเจกต์หนังไทยในปีนี้ที่จำนวนและความใหญ่ของตัวหนังนั้นแผ่วลงจากยุครุ่งเรืองอย่างมาก แต่ศักยภาพความแข็งแกร่งที่เป็นพี่ใหญ่ของอุตสาหกรรมในอดีตก็ยังคงเป็นดี ดูหนัง ดูหนังออนไลน์

 

เอ็นเอที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะการให้โอกาสคลื่นลูกใหม่จากหลากหลายสถาบันการศึกษาที่มีแววได้เข้าสู่การทำหนังโรงและมีทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์คอยฟูมฟักอีกที ‘เทอมสอง สยองขวัญ’ เป็นหนังสั้นความยาวประมาณ 45 นาทีจำนวน 3 เรื่องที่เรียงร้อยกัน โดยแต่ละเรื่องก็ได้ผู้กำกับ ทีมโปรดักชัน และทีมนักแสดงที่ต่างกัน แต่ทั้งหมดจะทำงานผ่านผู้วางโครงเรื่องเดียวกันคือ Hidden Agenda ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็น

 

นามแฝงของบุคคลหรือของทีม ซึ่งแต่ละเรื่องก็ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันในทางใดทางหนึ่งทั้งตัวละคร สถานที่ หรือกิมมิกที่ใช้ เหมือนว่าหนังมีจุดร่วมแค่ว่าเป็นเรื่องเล่าสยองขวัญในรั้วมหาวิทยาลัยเท่านั้น และตัวหนังก็ไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนว่าทำไมต้องเป็น เทอมสอง ที่ทำให้ชื่อหนังมันมีสัมผัสจำง่าย เพราะเทอมที่ 2 แทบไม่ได้ถูกใช้ในเรื่องราวเลย แถมไม่ได้สื่อถึงการมี 3 เรื่องสั้นด้วย (หรืออาจมีคำตอบอยู่ในการให้สัมภาษณ์ของทีมสร้างก็ต้องขออภัยที่ไม่ทราบ)

 

รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

 

ซึ่งแต่ละเรื่องนั้นต้องบอกมีจุดแข็ง จุดขาย ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง และดูน่าสนใจทีเดียวสำหรับการหามุกใหม่ ๆ ให้หนังผีไทยได้แตกต่างไม่จืดชืด ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กใหม่ 2 คนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ต่าย (แคร์ – ปาณิสรา ริกุลสุรกาน) เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่าย ขณะที่ เมษา (มิวสิค – แพรวา สุธรรมพงษ์) เป็นคนเงียบ ๆ เก็บตัวและชอบมีพฤติกรรมแปลก ๆ ยิ่งเมื่อการซ้อมเชียร์มาถึง

 

เมษาก็ยิ่งทำตัวประหลาดจนเพื่อนรอบข้างหวาดกลัว ต่ายที่เป็นคนกลางต้องดูแลเพื่อนสนิทและรับมือกับสายตาหวาดระแวงของเพื่อนใหม่คนอื่น ๆ ไปด้วย นำมาสู่การตัดสินใจที่ยากลำบากของต่าย ผู้กำกับสาวอย่าง พลอย-ภัทรภร วีระศักดิ์วงศ์ สามารถใช้ความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่แวดล้อมด้วยสถานการณ์ชวนอึดอัดกดดันจากทั้งคนทั้งผีได้อย่างน่าสนใจ เนื้อในที่เป็นหนังดราม่าความสัมพันธ์และช่วงวัยในการเปลี่ยน

 

ผ่านจากเพื่อนมัธยมสู่เพื่อนมหาวิทยาลัยก็เป็นฐานที่แข็งแรงของตอนนี้ ซึ่งตัวแคร์และมิวสิคก็มีเคมีที่เข้ากันได้ดีช่วยทำให้รู้สึกสมจริงขึ้นมาก แต่จุดแข็งที่ต้องชื่นชมเป็นความโดดเด่นของหนังคือ จังหวะการเล่าและการสร้างบรรยากาศผ่านงานภาพ งานออกแบบศิลป์ และงานเสียงต่าง ๆ นั้นทำได้ดีทีเดียวมีทั้งความขลังแบบไทยและท่าทีการเล่าแบบสากลได้ลงตัว ต้องบอกว่าผู้สร้างมี

 

รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

 

สัญชาตญาณในการเล่าเรื่องผีที่ดี ใส่ใจรายละเอียดได้ลงตัว เป็นการเปิดหัวหนังที่น่าตื่นตาเมื่อพิจารณาว่านี่คือหนังของคลื่นลูกใหม่ ในคืนวันสถาปนาของมหาวิทยาลัยแพทย์มีเรื่องเล่าว่ารุ่นพี่ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 40 ปีก่อนจะกลับมายังเตียงที่เขาเคยอยู่ คืนวันสถาปนาจึงมักไม่มีใครอยู่หอพักเลยมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งปีนี้ แทน (เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กแพทย์ปี

 

1 ซึ่งมีโรคประจำตัวตัดสินใจไม่กลับบ้านและอยู่หอเพียงลำพังเพื่อเตรียมสอบวันรุ่งขึ้น ทั้งที่แฟนสาว (นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) ได้เตือนเอาไว้แล้ว เป็นอีกเรื่องราวที่มักได้ฟังเกี่ยวกับผีในรั้วมหาวิทยาลัยในลักษณะการกลับมาเฉพาะวันพิเศษ แต่ผู้กำกับ ก๋วยเตี๋ยว-จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ก็ฉลาดในการใช้แนวทางหนังระทึกขวัญที่ตัวละครหลักต้องหนีสัตว์ประหลาดเพียงลำพังในพื้นที่ปิด มาปรับ

 

เข้ากับหนังผีไทยที่ปกติเป็นวิญญาณที่ผลุบโผล่ได้โดยไม่อิงสถานที่จึงไม่ค่อยเหมาะกับรูปแบบหนังหนีเอาตัวรอดแบบต้องแอบและเปลี่ยนที่ซ่อน แต่พอตีโจทย์ผีเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้จึงทำให้หนังดูน่าสนใจไม่น้อยจุดแข็งอีกอย่างของหนังที่ต้องชมคือการแสดงแบบทุ่มสุดตัวของเจมส์ที่แบกหนังเพียงลำพัง และอีกประการที่เป็นดาบสองคมคือการนำเทคนิคกระตุ้นประสาทผู้ชมด้วยแสงกระพริบที่ทำให้รู้สึกกดดันเหมือนตัวละคร แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ชมหนัง

 

รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

 

ไหลลื่นได้ลำบาก และแม้แสงกระพริบจะสนองต่อพลอตแต่พอมากไปก็ทำให้รู้สึกน่ารำคาญกับอาการไฟตกตลอดเรื่องจนดูไม่สมเหตุสมผลไปเสียแทนด้วย และตัวหนังก็หาทางลงได้อย่างไม่เหนือคาดนักอาจเป็นจุดอ่อนของพวกหนังพลอตหวือหวาที่ทางลงมักธรรมดาแบบเพลย์เซฟหรือไม่ก็เป๋เป็นหนังห่วยไปเลย ยังดีที่เรื่องนี้ยังเป็นแค่อย่างแรก

เรื่องย่อ รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

มีน (เบลล์ – เขมิศรา พลเดช) นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ต้องทำงานดึกกับเพื่อน ๆ แต่ทว่าโน้ตบุ๊กที่ต้องใช้ทำงานของเธอถูกน้องชายไม่เอาไหนที่กำลังตามง้อแฟนสาวอย่าง กอล์ฟ (กิต – กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์) เอาไปใช้ เธอจึงโทรตามให้น้องชายเอามาคืนที่คณะ ขณะที่รอน้องชาย มีนจึงเล่าเรื่องผีที่ตึกเก่าของคณะหลายเรื่องให้เพื่อนฟัง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่กอล์ฟได้มาถึงและเข้าใจว่าตึกคณะเก่านั้นคือที่พี่สาวของเขาอยู่ ดูหนัง ดูหนังออนไลน์

 

ผู้กำกับ ต้น-เอกภณ เศรษฐสุข แสดงความชัดเจนว่าหนังจะเป็นซิตคอมที่เล่นกับสถานการณ์ที่ตัวละครกอล์ฟไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอผีอยู่ และพยายามยั่วล้อกับขนบการเจอผีหลอกต่าง ๆ รวมถึงข้อขัดแย้งของผีในคณะวิทยาศาสตร์ที่ไม่ควรเชื่อเรื่องงมงาย และมีกิมมิกในการเล่นกับผีที่ชัดเจนทั้งทางเดิน ชุดครุย และขวดยา เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ด้วยการเป็นหนังตลกที่ปิดท้ายเองก็ช่วยปรับอารมณ์ผู้ชมให้เบาสบายขึ้นเมื่อออกจากโรงด้วย

 

 

แต่น่าเสียดายพอสมควร แม้จะเป็นหนังที่ดูองค์ประกอบแข็งแรงในหลายจุด แต่การนำมาปรุงรวมกันยังไม่แม่นในเรื่องของจังหวะการเล่าการตัดต่อที่ดีพอ ถ้าแนะนำคงอยากให้ลองปรับจังหวะหนังให้แม่นขึ้นทั้งการหลอกและการขยี้มุก น่าสนใจว่าหนังใช้วิธีการตัดแบบพวกยูทูบเบอร์มาใช้หลายครั้งซึ่งอาจจะทำงานได้ดีบนจอเล็ก ๆ แต่พอมาอยู่บนจอใหญ่การฟรีซภาพแล้วซูมหรือแทรกกราฟิกล้น ๆ มันดันดูทำให้คุณภาพระดับหนังโรงห่วยลงไปแทน

 

อีกประการคือหนังมีนักแสดงที่ถือว่าของแรงพอสมควร กล่าวคือคาแรกเตอร์จัดมีความเป็นตัวเองสูงมาก เมื่อผู้สร้างคุมกับความพยศของกิตไม่ลง มู้ดและโทนของหนังจึงถูกกิตกลืนกินเป็นหนังของเขาไปเสียหมดอย่างน่าเสียดาย จนจบทั้ง 3 เรื่องบางทีอาจมีแต่หน้ากิตติดหัวกลับบ้านไป

 

 

แต่ก็ต้องบอกว่าในบรรดาทั้ง 3 ตอน ตอนตึกคณะวิทย์นี้มีโจทย์สำหรับทีมสร้างที่ยากที่สุดในการทำออกมาให้ดี ยิ่งบทสรุปของหนังที่ไม่รู้จะลงแบบไหนก็ยัดเยียดวิธีการแก้ปัญหา และคำพูดสอนคนดูใส่ปากตัวละครไปดื้อ ๆ แบบนั้น ก็ยิ่งทำให้หนังดุไม่มีอะไรให้จดจำเข้าไปอีกและจุดอ่อนสำคัญที่ทั้ง 3 เรื่องมีร่วมกันอีกประการคือวิธีการนำเสนอผี ซึ่งถ้าไม่พึ่งซีจีที่ดูลอยหลอกตาไปเลย ก็เป็นการใช้เมกอัปที่กึ่ง ๆ จะน่ากลัวและตลกชวนขำไปพร้อมกัน เป็นเรื่องสำคัญที่ทีมงานต้องบริหารจัดการงบประมาณที่มีแล้วหา

 

ทางออกที่ลงตัวที่สุดในการสร้างตัวละครที่เป็นหัวใจของหนังอย่างเหล่าผี เราเห็นความฉลาดและวิสัยทัศน์ที่ดีในการเล่นง่ายเล่นน้อยแต่หลอกหลอนบีบคั้นได้มากกว่าการมองเห็นผีชัด ๆ จากหนังบางตอน ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่ช่วยให้เห็นได้ชัดขึ้นว่าผู้กำกับคนไหนมีศักยภาพไปได้ไกลกว่าในวงการนี้ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวแต่ตัวหนังก็ถูกซอยย่อยเป็น 3 ตอน 3 เรื่องที่แยกกันชัดเจน ความเจ๋งคือทั้ง 3 เรื่องแม้จะเบสออนหนังสยองขวัญ แต่ก็เป็นคนละแนวคนละอารมณ์ไปเลย ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแต่ละเรื่องมีไอเดียในการนำเสนอที่ดี ทว่าด้วยข้อจำกัด

 

หลายๆ อย่างโดยเฉพาะเรื่องเวลา ก็ทำให้ทั้ง 3 เรื่องมีความไม่สมประกอบและดูประดักประเดิดอยู่ในทีพอสมควร ผมจะไม่ใช้คำว่าหนังแย่ เพราะเดิมทีสารตั้งต้นของทั้ง 3 เรื่องจัดว่าน่าสนใจไม่เบา พอผลลัพท์มันออกมาครึ่งๆ กลางๆ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย จะมีก็แค่เรื่องสุดท้ายที่คิดว่าเข้าท่าจริงๆ

 

เรามาเริ่มกันที่เรื่องแรกซึ่ง มิวสิค BNK48 เป็นตัวนำ เรื่องนี้มีความเป็นสยองขวัญเทรดดิชันแนลมากที่สุดใน 3 เรื่อง เน้นฉากมืด บรรยากาศไม่น่าไว้ใจ มีช็อตจั๊มป์สแกร์เป็นระยะ ตัวเนื้อเรื่องพูดถึงประเด็นพิธีการรับน้อง ซึ่งรุ่นน้องไม่สะดวกใจจะเข้ารุ่นพี่ก็ไม่สะดวกใจจะให้กลับ ขณะที่ตัวของมิวสิคก็เป็นเด็กที่มีความพิเศษบางอย่างเช่นเดียวกันกับเพื่อนสนิทอีกคน แต่เมื่อคนหนึ่งอยากมูฟออน ทว่าอีกคนทำไม่ได้ แม้จะรักกันขนาดไหนมันก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาอยู่ดี

 

 

เรื่องที่ 2 The C นำแสดงโดย เจมส์ ธีรดนย์ ว่าด้วยเรื่องของผีที่จะกลับมานอนเตียง C ในวันสถาปนาสถาบัน กับพระเอกนักศึกษาแพทย์ผู้มีความลับบางอย่างซ่อนไว้ หนังพูดถึงความสัมพันธ์ที่อมพะนำเรื่องบางอย่างไว้กับตัวไม่เคลียร์คัตให้ชัดเจน คล้ายๆ กับเรื่่องแรก ระหว่างพระเอกหนุ่มกับแฟนสาวของตน ที่เลยเถิดจนเกิดเรื่อง

รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

แม้กระนั้นในพาร์ทของความสยองขวัญมันออกไปในทางหนังมอนสเตอร์เอาตัวรอดมากกว่า หนังไม่ค่อยมีจั๊มป์สแกร์แต่เน้นความลุ้นระทึกในสถานการณ์ กับผีที่มีการเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติมาแบบเป็นตัวๆ ไม่ต้องวับๆ แวมๆ การแสดงของ เจมส์ ธีดนย์ น่าสนใจและชวนทึ่งมากๆ แต่ก็มาตกมาตายกับบทเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าไอเดียและประเด็นจนน่าสนใจก็ตาม

 

เรื่องสุดท้าย อาจจะพอเดาได้กันจากตัวอย่างอยู่แล้วว่าจะมาแนวตลก ซึ่งก็เป็นแบบนั้น ตัวหนังพยายามล้อทุกขนบของหนังผีไทยหรือเงื่อนไขการถูกผีหลอก โดยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวนักเรียนวิทยาศาสตร์กับน้องชายไรเดอร์คลั่งรักผู้เรียนไม่จบ และมันทำได้ดีเลย ฮาในเกือบทุกช็อต

 

 

กิต Three Man Down คือตัวแบกของเรื่อง เล่นตลกได้ธรรมชาติมากๆ หากใครคิดไม่ออกว่ามันเป็นยังไง หนังเรื่องที่ 3 จะมีความคล้าย Scary Movie เพียงแต่ไม่เลยเถิดขนาดนั้น ช่วงท้ายมีการตบกลับเข้าประเด็นความสัมพันธ์สองพี่น้องเพื่อเรียกความซึ้งเล็กน้อย แต่พูดจริงๆ แล้วส่วนตัวอยากได้ความบ้าบอหลุดโลกกว่านี้ ไหนๆ ก็มาเวย์นี้แล้ว เอาสุดไปเลยท่าจะดี

 

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เรื่องมีมู้ดแอนด์โทนต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือการพูดถึงความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเพื่อนสนิท, แฟน หรือพี่น้อง ถ้าหากแคร์กันจริงๆ การหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อให้เข้าใจในกันและกันมากขึ้น ก็คงจะบรรเทาปัญหาในหลายๆ เรื่องลงไปได้

 

 

จะว่าไปภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คล้ายกับการมีเอเลเมนต์เขย่าขวัญบางๆ เป็นส่วนประกอบ มีผี มีจั๊มป์สแกร์ แต่มันไม่ได้เค้นความกลัวเราขนาดนั้น อีกอย่างคือการแต่งหน้าผีและการทำ CG ที่ไม่แน่ใจว่าทีมงานจงใจไหม แต่มันดูหลุดความน่ากลัวไปไกล คือมันก็คงน่ากลัวแหละ แต่เราอาจรู้สึกแปลกๆ กับมันมากกว่าจนกลายเป็นลืมชั่วขณะว่าฉากนี้ต้องกลัวแล้วนะ

 

เทอมสอง สยองขวัญ มีไอเดียทั้ง 3 เรื่องที่น่าสนใจ น่าเสียดายที่หากปรุงรสได้กลมกล่อมหรือหาจุดลงตัวได้ถูกต้องกว่านี้ไอเดียที่ใส่ลงไปก็คงเฉิดฉายได้มากกว่าการที่ดูจบแล้วต้องมานั่งตั้งคำถามพร้อมอารามหงุดหงิดกับ 2 เรื่องแรกที่เปิดได้เยี่ยมแต่จบได้แย่ไปหน่อย จะมีก็แค่เรื่องสุดท้ายที่พูดได้เต็มปากว่าเจ๋งดี โอเคเลย ที่พอจะช่วยให้ภาพยนตร์ดูเข้าท่าขึ้นมาบ้าง รีวิวหนังไทย

One thought on “รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ

  1. Pingback: รีวิว ขุนพันธ์ 1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น