รีวิว ซีรี่ย์My Name

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

รีวิว ซืรี่My Name ซีรีส์แนวล้างแค้นที่มีบ่อเกิดจากความแค้น

ถึงแม่ว่าบทในเรื่องนี้ดูเผิน ๆ ก็ไม่ได้แตกต่างจากหนังเจ้าพ่อที่ฟัดกัดไม่ปล่อย ตัวเอกตัวร้ายสู้กันชนิดที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด ฟัน แทง ยิงไม่ยั้ง ไอ้ที่ตายก็คือตาย ไอ้ที่ไม่ตายก็ทนทายาด แบบว่า โอ้ยยยย อึดเกินไปแล้ว แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ ซูเปอร์อึดในเรื่องนี้คือ ‘นางเอก’ ที่พกชีวิตบัดซบไว้กับตัวตลอดเวลา เราจะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า อะไรวะก็พ่อเธอเป็นอาชญากรนี่นา การที่จะถูกเก็บมันก็ถูกแล้ว แต่ถ้าเราเข้าใจถึงสาเหตุเราก็จะเชื่อได้ไม่ยากและยิ่งดูต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะสงสารนางเอกจับหัวใจ เพราะชีวิตของเธอมันช่าง บัดซบยิ่งนัก

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

บ่อเกิดของความแค้นและเหตุผลในการล้างแค้นได้จุดประกายมาจากการที่ ยุนจีอูเห็นพ่อของเธอตายไปต่อหน้าต่อตาตั้งแต่เธออายุยังน้อย คือเด็กมากและเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจเหตุผลใด ๆ ไปหาตำรวจก็ไม่มีตำรวจคนไหนอยากจะช่วยเหลือตามหาคนร้ายให้ เพราะพ่อของเธอเป็นอาชญากร สุดท้ายที่พึ่งหนึ่งเดียวก็คือชเวมูจินเพื่อนของพ่อที่เป็นหัวหน้าแก๊งดงชอน ที่ปั้นเด็กมัธยมคนหนึ่งให้กลายเป็นสายลับที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตัวเองอย่างเลือดเย็น

รีวิว ซีรี่ย์ MY MANE บทง่าย ดำเนินเรื่องโดนใจ

ด้วยความที่เป็นซีรีส์ 8 ตอนจบ ก็ต้องบอกว่าเป็นการดำเนินเรื่องที่กระชับจนเราอยากตามติดให้จบให้ได้ในเวลาอันสั้น ผู้เขียนดูสองวันจบเลยค่ะงานอื่นไม่ต้องทำกันแล้ว นั่งดูฮันโซฮีนี่แหละ

ด้วยความอยากรู้และที่แน่ ๆ ก็คือด้วยความมันในอารมณ์กับฉากแอ็กชันดุเดือดเลือดพล่าน เห็นสาวแกร่งเป็นไม่ได้ใจมันจี๊ด ผสมกับซาวด์ประกอบที่บอกความรู้สึกของแต่ละฉากได้แบบเข้าถึง สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่องนี้ไปอีกขั้น และที่แน่ ๆ คือเพราะมาก ๆ จนต้องหามาฟังต่อนอกรอบ ไปหาฟังเอาเลยจ้ะเพราะทุกเพลงจริง ๆ

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

บทเขียนให้นางเอกเรื่องนี้ไม่ได้แกร่งเกินพิกัด แต่ความอึดนั้น ประหนึ่งว่ากินแรดเข้าไปสามตัวเลยทีเดียว ก็อึดป๊ายยย คิวบู๊ต่าง ๆ เอื้อให้นางเอกสามารถต่อกรกับผู้ชายทั้งหลายในเรื่องได้ด้วยความฉลาดสู้ จู่โจมเฉพาะจุดสำคัญและว่องไวจนรู้สึกว่าลีลาในการฟาดฟันพอเหมาะพอเจาะ ทำให้เส้นเรื่องสั้น ๆ ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากการตามล้างแค้น

ชีวิตบัดซบและการถูกหลอกใช้ มีไว้เพื่อให้นางเอกได้บรรเลงเพลงบู๊อย่างมีเหตุผลรองรับ เรียกว่าหาเรื่องขายคิวบู๊่ของนางเอก ว่างั้นเถอะ ก็ขอชมฮันโซฮีอีกแล้วว่าเล่นคิวบู๊ได้ละเอียด เนียนตาเอามาก ๆ ไม่เกิดความขัดหูขัดตา ไม่เกิดความรู้สึกว่าเวอร์วังเกินเบอร์ใด ๆ เลยทั้ง ๆ ที่เธอตัวนิดเดียวเมื่อเทียบกับผู้ชายร่างกำยำทั้งเรื่อง

รีวิว ซีรี่ย์ MY NAME เรื่องย่อ

เรื่องราวการแก้แค้น เริ่มต้นขึ้นจากการที่ “ยุนจีอู” (ฮันโซฮี) เด็กสาวที่ต้องทนทุกข์ ถูกสังคมรังแก และ ออกจากโรงเรียน ชีวิตแทบจะพังทลาย เพราะพ่อของเธอ เป็นแก๊งยาเสพติดขาใหญ่ที่สุด ในประเทศแก๊งดงชอน

ในวันเกิดอายุครบ 17 ปีของเธอ ต้องเห็นพ่อตายไป ต่อหน้าต่อตา เธอต้องรู้ให้ได้ว่า ใครที่เป็นคนฆ่าพ่อ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม เธอจึงตัดสินใจ ออกตามล่าหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อ จึงไปขอความช่วยเหลือจาก “ชเวมูจิน” (พัคฮีซุน) หัวหน้าแก๊งดงชอน เพื่อนสนิทของพ่อ เป็นองค์กรค้ายาที่ใหญ่ที่สุด ในเกาหลีใต้ เพื่อทำให้เธอนั้น เข้าใกล้กับฆาตกรที่ฆ่าพ่อ ได้มากกว่าเดิม

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เพื่อให้พร้อมต่อการแก้แค้น และ แฝงตัวเข้าไปเป็นหนอนบ่อนไส้ ในหน่วยสืบสวนยาเสพติด ในชื่อ “โอฮเยจิน” ที่นั่นทำให้เธอพบกับ “จอนพิลโด” (อันโบฮยอน) ตำรวจสายสืบในหน่วย ที่เป็นคู่หูของเธอ และ ที่นี่ทำให้เธอ เริ่มเข้าใกล้ความจริง ที่ตามล่ามาทั้งชีวิต

แต่ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวกับพาเธอ มาพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เธอยังต้องเผชิญกับความจริง ที่แสนเจ็บปวด ระหว่างการล้างแค้นให้พ่อ ว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นคนดี และ คนเลว หากคุณชื่นชอบแล้ว เข้ามารับชมได้ 8 ตอนรวด จากทาง Netflix สนุกไปกับฉากบู๊สุดมันส์ พร้อมกับภารกิจตามล่าฆาตกร

รีวิวซีรี่ย์ my name และ คะแนนวิจารณ์

my name รีวิว ที่ยกระดับซีรีส์เกาหลีแนวใหม่ ไปสู่สากลทั่วโลก หลังจากรับชมภาพยนตร์ โดยความคิดเห็นส่วนตัว my name รีวิว netflix สไตล์หนังวางบทเข้มข้น ดาร์คได้ใจจริง ๆ คิวบู๊โคตรระห่ำ แอ็คชันสนั่นจอ บทบาทสมเหตุสมผล ตัวดาราสาวฮันโซฮี ถือว่าเป็นตัวละครหลัก นอกจากนี้ตัวฉากในเรื่อง ยังรุนแรงโหดดิบกันที่สุด พร้อมฉากวาบหวิวโชว์เนื้อหนัง มากกว่าซีรีส์เกาหลีปกติ คะแนนหลังการรับชม 8.5 / 10

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

จุดเด่น ของหนัง

  • นำเสนอโลกเทา ๆ สองด้าน ของตำรวจกับอาชญากร
  • ฉากแอ็คชัน มีความโหดรุนแรง แบบติดเรตสูงมาก
  • ดราม่าดึงอารมณ์ ในระดับที่มีอินตาม
  • มิตรภาพในโลกอาชญากร ทำออกมาได้ดี
  • ความสวยของยุนจีอู (ฮันโซฮี) ดึงดูดตัวละคร ให้น่าดูขึ้นมาก
  • นักแสดงตีบทแตก ตัวหลักมีความสำคัญ เท่าเทียมกันหมด

จุดด้อย ของหนัง

  • เนื้อเรื่องช่วงหลัง ๆ เดาได้ไม่ยาก
  • นางเอกไม่ได้ฟิตกล้าม จนหุ่นดูบางไปนิด
  • ตอนจบเดาทางออกง่าย เนื้อเรื่องถูกสคริปต์
  • ตอนสุดท้าย ดราม่ายืดยาว ฉากรักเยอะมากไป

รีวิว ซีรี่ย์ MY NAME แนะนำตัวละคร

ฮันโซฮี รับบทเป็น ยุนจีอู / โอฮเยจิน ตำรวจสาวขาลุยแผนกอาชญากรรมที่ไม่มีใครขวางเธอได้ โดยเธอพยายามย้ายไปอยู่แผนกปราบปรามยาเสพติดเพื่อสืบเรื่องการฆาตกรรมของพ่อ รวมถึงเป็นสายข่าวให้กับชเวมูจิน เธอเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักและไม่ค่อยเข้าสังคม

พัคฮีซุน รับบทเป็น ชเวมูจิน ประธานโรงแรมลิเบอร์ที่เบื้องหลังของเขาคือหัวหน้าแก๊งดงชอน องค์กรยาเสพติดรายใหญ่ หลังจากช่วยชีวิตจีอูไว้ เขาก็ได้สร้างตัวตนใหม่ให้เธอและส่งเธอเข้าไปเป็นตำรวจ เขาเป็นหัวหน้าแก๊งที่มีความน่าเกรงขาม น่ากลัวและเลือดเย็น

อันโบฮยอน รับบทเป็น จอนพิลโด ตำรวจแผนกปราบปรามยาเสพติดและคู่หูของจีอู เขาไม่ชอบจีอูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเพราะพฤติกรรมของเธอ แต่เมื่อได้รู้จักเธอยิ่งขึ้นเขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเสมอ

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

ใครที่ชอบสายแอ็กชัน-อาชญากรรมต้องไม่พลาดเรื่องนี้ โดยเฉพาะแฟนคลับของสาวฮันโซฮีที่จะได้ดูเธอเปลี่ยนจากแนวโรแมนติกมาบู๊แบบจัดเต็ม ไม่ห่วงสวย (แต่ก็ยังสวยอยู่ดี) เรียกว่าเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในเรื่องจริง ๆ แถมเคมีกับอันโบฮยอนก็ดีมาก ๆ เลยด้วย เอาเป็นว่ากดเข้าไปที่ Netflix เลยจ้า ซีรีส์มีทั้งหมดด้วยกัน 8 ตอนเท่านั้น

รีวิว ซีรี่ย์ MYNAME ความรู้สึกหลังดูจบ

ถ้าถามว่าสนุกมั้ย ก็สนุกแหละฮะ แต่ตลอดเวลาที่ดู ให้ความรู้สึกเหมือนกับดูซีรีส์หรือหนังฮ่องกงแนวตำรวจกับแก๊งมาเฟียช่วงยุค 90 ยังไงยังงั้นเลย ทั้งการตามล่าล้างแค้น การแฝงตัวทำภารกิจ รวมถึงการออกแบบคิวบู๊ตลอดทั้งซีซั่น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการซัดกันด้วยหมัด ด้วยมีดกันซะเป็นส่วนใหญ่

ซีรีส์เรื่องนี้ติดเรท 18+ แน่นอนฮะ มีภาพความรุนแรงตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทำออกมาได้ดีสมจริงมากฮะ ฉากบู๊โคตรเดือดเลย โดยเฉพาะฉากที่โรงฝึกของแก๊งดงชอนถูกบุกเนี้ย แต่พลอตโดยรวมไม่มีอะไรแปลกใหม่ฮะ เดาทางได้ง่าย

รีวิว ซีรี่ย์ My Name

และโดยส่วนตัว ก็ไม่ได้ติดที่ความเก่งสุดติ่งของตัวละคร “ยุนจีอู” นะฮะ อันนี้เข้าใจได้ว่าฝึกฝนมาอย่างหนัก บวกกับทักษะการต่อสู้ที่ดี จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะสามารถต่อสู้เอาชนะผู้ชายตัวใหญ่ๆ หลายๆ คนได้ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกติดในใจว่า “เวอร์” เกินไปหน่อยก็คือ ”ความอึด” ของเธอ ที่โดนอัดขนาดไหนก็ยังไม่ล้ม แถมยังกลับมาฮึดเอาชนะได้อีก อันนี้เลยรู้สึกว่า “เกินไป” หน่อย เพราะถ้าเป็นเรื่องความเก่ง โอเคเราฝึกกันได้ แต่เรื่องความอึดนี่สิ ยังไงก็ไม่น่าจะฝึกมาแล้วจะอึดได้ขนาดนี้นะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *