รีวิว บุปผาราตรี 3.2

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

หนังผีไทยเรื่องนี้ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยดูอยู่แล้ว หนังผีไทย หรือเคยได้ยินมาแน่นอน การันตีเลย ถ้าหากว่าพูดถึงไหนผีไทย สปอยหนังไทย มันก็ต้องนึกถึงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ๆ เลยนั้นแหละครับ หลังจากประเดิมความเฮี้ยนของการกลับชาติมาเกิดใหม่ของ ดูหนังออนไลน์ บุปผา ผีสาวแค้นรักประจำออสการ์อพาร์ตเมนต์ ดูหนังฟรี ใน “บุปผาราตรี 3.1” เมื่อช่วงต้นปี ไม่รอช้าผู้กำกับ “ต้อม – ยุทธเลิศ สิปปภาค” ก็ส่งภาคต่อบทสรุปของภาพยนตร์หลากรสที่มีทั้งเรื่องราวของรัก ความสยองขวัญ ผสมตลก “บุปผาราตรี 3.2” มาให้ได้ชมกัน โดยยังคงนักแสดงหลัก ๆ ไว้เหมือนเดิม อาทิ “พลอย – เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” และ “โอ้ – มาริโอ้ เมาเร่อ” ซึ่งได้ทำการเปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ซึ่งบรรยากาศภายในงานก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ร่วมลุ้นจุดจบของ บุปผาราตรี

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

รีวิว บุปผาราตรี 3.2 หนังผีภาคต่อของผู้กำกับยุทธเลิศ บุปผาราตรี 3.2 เต็มเรื่อง สิปปภาค ที่ขอกลับมาหากินกับผีสาวบุปผากันอีกครั้ง ก็อย่างที่เคยบอกไปผมติดตามผลงานของผู้กำกับท่านนี้มาโดยตลอด มีผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง (บุปผาราตรี, กุมภาพันธ์, รัก/สาม/เศร้า, สายล่อฟ้า) หรือเฉย ๆ บ้าง (มือปืน/โลก/พระ/จัน, บุปผาราตรี เฟส 2, กระสือวาเลนไทน์) คละเคล้ากันไป แต่โดยรวมแล้วก็ยังเทคะแนนไปในทางที่ชอบมากกว่าอยู่ดี

ผู้กำกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค พยายามสอดใส่ความเป็นไทย ๆ และ ความเชื่อแบบไทย ๆ ลงไปหลายอย่างในหนัง จนทำให้หนังมีความเป็นเฉพาะตัว และ มีความเป็นไทยสูง แถมยังสอดแทรกเรื่องราวด้านมืดของสังคมเราลงไปอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็น การกดขี่ผู้หญิง การทำทารุณกรรม และ ย่ำยีเด็ก ปัญหาการพนันเถื่อน การทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกของเจ้าหน้าที่ รวมถึงความโสโครกของนักการเมือง

แม้แต่ความไม่ใส่ใจกัน และ กันของผู้คนในสังคม น่าเสียดายที่ประเด็นเหล่านี้เป็นแค่คำพูดผิวเผินที่ไม่อาจจะส่งผลกระทบทางความรู้สึกให้กับคนดูมากนัก นอกจากจะบอกว่า เรื่องประเภทนี้มันมีอยู่นะ !! ในส่วนของการเล่าเรื่อง ยุทธิเลิศเล่นยากไปหน่อย แถมยังมันส์มือเกินไป เล่นทั้งภาพจริง ภาพฝัน สร้างความซับซ้อนให้กับเรื่องราว เชื่อว่าน่าจะทำให้คนดูส่วนใหญ่งงพอสมควร ไม่มากก็น้อย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ไม่ต้องตัดสลับให้มากเรื่องก็ได้

ภาพยนตร์เปิดตัวออกฉายด้วยจำนวนโรงฉาย 93 โรง ทำรายได้ 10.3 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าใน บุปผาราตรี 3.1 ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 13.8 ล้านบาท ภาพยนตร์ทำรายได้รวม 16.5 ล้านบาท

นักแสดงหลัก

– เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ รับบท บุปผา
– มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท หรั่ง
– นัดตะวัน ศักดิ์ศิริ รับบท เด็กหญิงปลา
– ฉันทนา กิติยพันธ์ รับบท เจ๊สาม
– อดิเรก วัฏลีลา รับบท หมวดอังเคิล
– บุญถิ่น ทวยแก้ว รับบท จ่าบุญถิ่น
– สายเชีย วงศ์วิโรจน์ รับบท หนึ่ง (ลูกน้องเจ๊สาม)
– ปิยะ ชนะสัตรู รับบท ปี้ด
– ศุภสิทธิ์ ก๊กผล รับบท หมู
– ยศวัศ สิทธิวงศ์ รับบท ตี๋

เรื่องย่อ

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

พบการกลับชาติมาเกิดของผีสาว “บุปผา” ในร่างของ “เด็กหญิงปลา” เด็กน้อยผู้น่าสงสาร และ โชคร้ายเอามาก ๆ ถูกฆ่าตายอย่างทารุณในห้อง 609 ของ “ออสการ์อพาร์ตเม้นต์ ภายในอพาร์ตเม้นต์ยังมี “บ่อนเถื่อน” ซึ่งบริหารงานนับเงินโดยเจ้าของบ่อนอย่าง “เจ๊สาม” (ฉันทนา กิติยพันธ์) และ มีแก็งค์ต้มตุ๋น “เซียนต้อม” (ค่อม ชวนชื่น) เซียนพนันที่มี “ลูกกรอกตัวพ่อ” (อุดม ชวนชื่น) คอยช่วยเหลือทุกครั้งที่ลงสนามไฮโล

ทางด้าน “หรั่ง” (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักวาดการ์ตูนผีได้ย้ายมาอยู่ที่ออสการ์อพาร์ตเม้นต์แห่งนี้เพียงไม่กี่วัน เขาก็ได้พบกับบุปผา-หญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่วัยเด็ก แต่เขากับไม่รู้ว่าเธอกลายเป็น “ผีบุปผา” ไปแล้ว หาใช่ “หญิงสาว” คนเดิมที่เขาหลงรัก แต่แล้ว “บุพเพสันนิวาส” ที่หรั่งเคยคิดเมื่อแรกเจอกัน มันกลับกลายเป็น “บุปผาอาละวาด” สุดหลอนที่ให้หรั่งกลัวจนสิ้นสติไป

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

บุปผาราตรี 3.2 เริ่มต้นมาก็จะย้อนหลังในภาค 3.1 ให้เราดูสักพัก บุปผาราตรี 3 เต็มเรื่อง อาจจะเป็นเพราะว่ากลัวเราลืมเนื้อเรื่องใน 3.1 ก็ได้ แต่ก็คงไม่ลืมหรอกเพราะว่าในภาค 3.1 ก็แทบไม่มีอะไรให้จำอยู่แล้ว นอกจากการทายปัญหา ที่มีเกือบครึ่งเรื่อง แต่ในภาค 3.2 นี้ดีหน่อยตรงที่ลดเรื่องการทายปัญหาไป และ เพิ่มในเรื่องของเนื้อเรื่องเข้ามามากกว่า 3.1 เยอะพอสมควร เหมือนกับคำที่โฆษณาไว้ว่า “ไม่ต้องดูภาค 3.1 ก็ดูรู้เรื่อง”

ถึงจะไม่ได้ดูบุปผาราตรี 3.1 มาก่อน แต่อยากมาดูภาคนี้เลย ผมว่าก็ยังพอจะเข้าใจ และ ดูรู้เรื่องอยู่ว่าผีบุปผามีที่มาอย่างไร? แต่กับเรื่องราวนั้นมันช่างไร้สาระ และ หาได้มีความบันเทิงใด ๆ เลย มีดีแค่ดาราตลกออกมากันให้ขวักไขว่ก็เท่านั้น แถมยังแทบจะไม่มีความสำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องอีกต่างหาก กับมุกแบบนี้ที่เคยใช้ได้ดีในบุปผาราตรี ภาคแรกนั้น

เป็นเพราะว่ามันแปลกใหม่ และ พอเหมาะพอเจาะต่างหาก แถมมันยังขึ้นอยู่กับนักแสดงตลกคนนั้นว่ามีดี และ ตลกพอหรือเปล่า แต่กับภาคนี้นักแสดงตลกหลายคน ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะใส่บทมาทำไม? ซึ่งผู้กำกับคงคิดว่ายิ่งมีนักแสดงตลกมากยิ่งขายได้ง่าย แต่ผมว่ากับบางคนสู้ไม่มีซะยังจะดีกว่า เพราะช่างน่ารำคาญลูกตาซะเหลือเกิน

รีวิว บุปผาราตรี 3.2

รีวิว บุปผาราตรี 3.2 ถึงจะไม่ได้ดูบุปผาราตรี 3.1 มาก่อน บุปผาราตรี 3.1 เต็มเรื่อง แต่อยากมาดูภาคนี้เลย ผมว่าก็ยังพอจะเข้าใจ และ ดูรู้เรื่องอยู่ว่าผีบุปผามีที่มาอย่างไร? แต่กับเรื่องราวนั้นมันช่างไร้สาระ และ หาได้มีความบันเทิงใด ๆ เลย มีดีแค่ดาราตลกออกมากันให้ขวักไขว่ก็เท่านั้น แถมยังแทบจะไม่มีความสำคัญอะไรกับเนื้อเรื่องอีกต่างหาก กับมุกแบบนี้ที่เคยใช้ได้ดีในบุปผาราตรี ภาคแรกนั้น เป็นเพราะว่ามันแปลกใหม่ และ พอเหมาะพอเจาะต่างหาก

แถมมันยังขึ้นอยู่กับนักแสดงตลกคนนั้นว่ามีดี และ ตลกพอหรือเปล่า แต่กับภาคนี้นักแสดงตลกหลายคน ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะใส่บทมาทำไม? ซึ่งผู้กำกับคงคิดว่ายิ่งมีนักแสดงตลกมากยิ่งขายได้ง่าย แต่ผมว่ากับบางคนสู้ไม่มีซะยังจะดีกว่า เพราะช่างน่ารำคาญลูกตาซะเหลือเกิน

จนทำให้ฉากตลกในเรื่องนั้นทั้งไม่ขำ และ ไม่ฮา ได้เพียงแค่หัวเราะ หึหึ!! เพราะมันทั้งหยาบคาย ไร้สาระ ไม่ตลก ไม่ว่าจะเป็นมุกตลกหยาบคายของบรรดานักแสดงตลกทั้งหลาย หรือจะเป็นมุกตลกของ 2 ตำรวจคู่หู หมวดอังเคิล และ จ่าบุญถิ่น ตัวละครเจ้าประจำของผู้กำกับท่านนี้ที่เคยขายได้ และ ทำได้ดีในภาคก่อน ๆ แต่กับภาคนี้พวกเขาก็ไม่ได้ช่วยฉุดให้หนังดูดี และ สนุกขึ้นมาได้แต่อย่างไร?

ส่วนความน่ากลัวที่เคยเป็นจุดขายนั้นกับภาคนี้ลดลงไปเยอะเหมือนกัน เพราะว่าบทผีเด็กหญิงปลามันไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่แล้ว ก็แค่น่ากลัวที่หน้าตา กับท่าเดินที่ออกจะดูตลกกว่าน่ากลัวซะด้วยซ้ำ จากที่เคยตกใจก็เหลือเพียงแค่สะดุ้งนิดหน่อย แถมยังสะดุ้งให้กับเสียงไม่ใช่ภาพอีกต่างหาก

กับการแสดงนั้นพลอย-เฌอมาลย์ ก็มาในมาตรฐานเดิม ๆ ที่เธอทำไว้ ยังคงเป็นจุดขาย และ จุดแข็งของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แต่กับพระเอกอย่างมาริโอ้ ต่างหาก ที่ช่างแสดงได้ไร้อารมณ์ทั้งสีหน้า และ ท่าทางที่แข็งราวกับท่อนไม้ซะจริง ๆ ส่วนการแสดงที่ผมแอบชื่นชมมาตั้งแต่ภาคที่แล้วนั้น คือเธอคนนี้ต่างหาก น้องนัดตะวัน ในบทเด็กหญิงปลาที่แสดงได้เป็นธรรมชาติสุด ๆ จริง ๆ

สรุป

ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะรู้สึกว่าถูกหลอก บุปผาราตรี 4 ให้เข้าไปดูหนังเรื่องเดียวกันถึงสองครั้งสองคราว ค่าตั๋วหนังก็ไม่ใช่จะถูก ดูเรื่องเดียวกลับเสียเงินดูตั้งสองรอบ กับความสนุกที่ได้รับมา มากบ้างน้อยบ้างตามความรู้สึกของแต่ละคนไปยังไงผมก็อยากให้ทุกคนสนับสนุกหนังไทยกันครับ จะได้มีหนังไทยดี ๆ ในอนาคตอีก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *