รีวิว 4 kings
หนังไทยใหม่ล่าสุด สวัสดีครับในปีนี้มีหนังไทยต่างๆหลายแนวเข้าใหม่มากมาย แต่ก็มีหนังเรื่องนึงขึ้นมาแซงหลายๆเรื่องเลยก็คือ 4king เรื่องเล่าของกลุ่มวัยรุ่นเด็กช่างกล ยุค 90 ดูทรงแล้วก็เพียงสิบเรื่องนิดๆ แค่นั้น แล้วแต่ละเรื่องก็สร้างออกมาได้เสริมพลังคำสบประมาทและพลอยทำให้ผู้ชมมองในแง่ร้ายกับหนังไทยไปก็เสียเยอะ แต่ดูเหมือนว่าจะมีหนังไทยส่งท้ายปีเรื่องนี้ ที่น่าจะมากอบกู้สถานการณ์ได้ไม่น้อย เพราะนี่คือ “4Kings อาชีวะยุค 90” หนังแอคชั่นดราม่าจัดจ้านที่ตีแผ่ประเด็นนักเรียนตีกัน ที่เข้มข้นกว่าแค่ประเด็นยกพวกตีกันธรรมดาๆ
สปอยหนังไทย เป็นหนังที่ยกประเด็นมาเพื่อสะท้อนสังคมและความจริงอีกมุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาสายอาชีพในยุคก่อน ที่ใครๆ ก็มองว่าพวกเขาเป็นตัวสร้างปัญหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและนองเลือก โดยเล่าเรื่องผ่านเด็กอาชีวะจาก 4 สถาบันหลักๆ ได้แก่ อินทร, ประชาชล, บูรณพันธ์ และ กนก ที่พวกเขามันก่อเรื่องจู่โจมกันแทบทุกครั้งที่เจอหน้า แต่ว่าเพราะอะไรจึงกลายเป็นปัญหาเช่นนี้ และนี่คือบทเรียนชีวิตที่พวกเขาเคยก้าวผิด ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
รีวิว 4 kings
รีวิว 4 kings อย่างแรกเลยที่เห็นตั้งแต่หนังเริ่มยันจบ และรู้สึกประทับใจ ก็คืองานภาพ เพราะงานภาพเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก อาจจะไม่ถึงกับที่สุดแต่ถือว่าดี พอทัดเทียมกับหนังต่างชาติได้ สามารถถ่ายประเทศไทยออกมาได้ดูมีคลาส มีการคุมโทน รวมถึงคอสตูมในเรื่อง ก็ออกแบบได้ดี กลืนไปกับงานภาพอย่างสวยงาม ซึ่งจากที่ดูตัวอย่างก็คาดหวังไว้แล้วว่างานภาพน่าจะดี และก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าเทียบจากหนังไทยที่ดูมาในปีนี้ งานภาพเรื่องนี้ถือเป็นอันดับต้นๆของปีเลย แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่นี้ ตัดมาที่ตัวการเล่าเรื่อง บทต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้มาตรฐาน ไม่แย่ และก็ไม่ถึงกับดีขนาดนั้น เพราะมันมีตรรกะของเด็กช่างในเรื่องบางอย่างที่มันแปลกๆ และไม่มีคำตอบ คือหนังพยายามจะให้เราคิดตลอดว่า ตีกันทำไม? แต่ดูจนจบก็ไม่ได้คำตอบ แต่พอไปฟังจากผู้กำกับให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่า มันเป็นเพราะวัยคึกคะนอง ไม่มีหัวคิด มันไม่มีเหตุผลอะไร มันเป็นแค่การกระทำที่ยั้งคิด และสภาพแวดล้อมทางสังคม ที่ทำให้เด็กช่างในยุคนั้น คิดแบบนั้น ทำแบบนั้น ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพราะคนปกติทั่วไป พอโตขึ้นก็คงนึกย้อนถึงสิ่งที่เราเคยทำตอนเด็ก และคิดว่า ทำไปทำไม เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนแรกก่อนดูจบผมมองว่าบทไม่ได้หวือหวาอะไรมาก และก็คิดอยู่แล้วว่าหนังต้องมาแนวสอนให้ข้อคิด แต่มาชอบตรงบทสรุป เนี่ยแหละ ผมโรคจิตแหละมั้ง ไม่ชอบดูหนังที่จบแบบแฮปปี้ เพราะมองว่าชีวิตจริง มันไม่ได้แฮปปี้แบบนั้นไปซะทั้งหมด เลยชอบดูหนังที่จบแบบคนดูเซ็ง แต่สมเหตุสมผลมากกว่า เรื่องนี้ถือว่าจบบทสรุปได้ดีทีเดียว
เรื่องย่อ 4 kings
เปิดเรื่องมาด้วยฉาก บิลลี่ (จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) กำฃังขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแต่ทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกัน ลูกสาวโมโหจึงเดินลงจากรถไป และไปโดนลูกหลงของพวกเด็กช่างที่ตีกัน จากนั้นเรื่องราวก็จะเล่าย้อนกับไปในอดีต สมัยที่ บิลลี่ยังเป็นวัยรุ่นเรียนอาชีวะที่สถาบันช่างกลอินทร เขามีเพื่อนสนิทอีก 2 คนได้แก่ ดา (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) และ รูแปง (ภูมิ รังษีธนานนท์) พวกเขาทั้ง 3 สนิทกันมาก ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากร่วมเป็นร่วมตายในการประจันหน้ากับสถาบันคู่อริมานักต่อนัก ซึ่งพวกเขามีคู่อริอยู่อีก 3 สถาบัน ได้แก่ เทคโนประชาชล, กนกอาชีวะ และ ช่างกลบุรณพนธ์ ซึ่งแต่ละสถาบันก็มีแต่ตัวแสบๆทั้งนั้น โดยเรื่องราวจะเล่าถึงวีรกรรมและเหตุการณ์ต่างๆที่เหล่าวัยรุ่นเลือดร้อนพวกนี้ต้องเจอ และถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่มีวันลืม บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ทุกคนควรไปรับชมด้วยตาตัวเอง 4KINGS อาชีวะ ยุค 90 รับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix 4 kings อาชีวะยุค
วิจารณ์ 4 kings
ต่อมาพูดถึงการแสดงในเรื่อง ซึ่งจากตัวอย่างเราจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้ใช้นักแสดงค่อนข้างแปลกใหม่ ไม่ใช่ดาราที่เราคุ้นหน้ากันซักเท่าไหร่ แถมยังมีนักร้องอย่าง จ๋าย ไททศมิตร และ บิ๊ก D Gerrard และก็นักแสดงหน้าใหม่ๆไฟแรง อย่าง ณัฐ, ทู และ ภูมิ แต่ขอบอกเลยว่า แคสมาดีมาก นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี ดีเลยแหละ การแสดงไม่โดด ทัดเทียมกันหมด ยกตัวอย่างการแสดงโดดๆก็ หนังไทยบางเรื่อง ที่อยู่ในซีนเดียวกัน คนนึงแสดงแบบละคร คือพูดจาที่คนธรรมดาไม่พูด แต่อีกคนแสดงแบบภาพยนตร์ ซีนนั้นมันจะขัดตาและดูแปลกๆไปทันที แต่เรื่องนี้นักแสดง แสดงไปในทางเดียวกันหมด แต่สิ่งที่เซอร์ไพรมากสำหรับผม คือไอสองนักร้องที่มาเล่นเรื่องนี้ แสดงดีอย่างกะดาราตัวจริง ทั้งจ๋าย และบิ๊ก ซึ่งตัวละครของจ๋าย เป็นตัวที่เด่นๆเลยแหละ คือเป็นเพื่อนตัวละครหลัก เห็นแกทั้งเรื่อง แกเลยได้โชว์สกิลการแสดง เห็นว่าแกเรียนการแสดงมา ถือว่าแกเล่นบทที่ได้รับได้ดีมาก โดยส่วนตัวผมว่าเล่นได้สมบูรณ์กว่า เป้ อารักษ์อีก เพราะยังมีบางซีนที่เป้ แสดงแล้วรู้สึกขัดๆ แปลกๆ แต่จ๋ายนี่แสดงเป็นธรรมชาติมาก อีกคนที่เกินคาดเลย คือ บิ๊ก D Gerrrad มาเรื่องนี้เล่นเป็นเด็กบ้าน ที่ไม่เรียนหนังสือ แสดงบ้าได้ใจจริงๆ ถึงบางคนอาจจะดูว่าเล่นใหญ่ไปรึเปล่า แต่ผมมองว่ามันเหมาะกับคาแรคเตอร์ตัวละครแล้ว มันเป็นคนบ้าๆเพี้ยนๆ มันก็ต้องแบบนี้แหละ ถึงจะไม่ได้มีบทเยอะ แต่ถือว่าเป็นตัวละครสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเรื่องเลย นอกจากสองคนนี้ คนอื่นๆก็เล่นได้ดี พี่โจ๊กที่เรื่องนี้รับบทเป็น มด ประชาชล แกก็แสดงได้สมบทบาทดี เท่เหมือนเดิม แม้กระทั่งพี่แหลม 25Hour ก็ยังเล่นออกมาได้ดีเลย แถมมีเซอร์ไพรตอนเอ็นเครดิต (ไปดูกันเอาเอง) 4 kings อาชีวะยุค 90
รีวิว 4 kings
รีวิว 4 kings หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวและชิมลางค่ายหนังน้องใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพประดับวงการหนังอีกค่าย นั่นก็คือ เนรมิตหนังฟิล์ม ที่ถือว่าเป็นตัวเลือกที่จัดจ้านและเปิดตัวค่ายได้อย่างสง่าไม่เบา เพราะว่า 4Kings กลายเป็นหนังไทยที่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ชมได้ไม่น้อย ทั้งเนื้อหา ทั้งการเล่าเรื่อง ทั้งการแสดง ที่องค์ประกอบต่างๆ ถูกใส่เข้าอย่างได้จังและกลมกล่อมในระดับที่ใช้ได้ นับว่าเป็นหนังไทยที่ให้รสชาติที่อร่อยกำลังพอดี
เราอาจะไม่ได้เคยได้ยินชื่อ “พุฒิพงษ์ นาคทอง” ที่รับหน้าที่เป็นทั้งผู้กำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่ผลงานชิ้นนี้ได้กลายเป็นมาสเตอร์พีชประดับอาชีพของเขาไปเรียบร้อย ด้วยการใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาอย่างเหมาะสม การเล่าเรื่องที่อาจจะใช้สูตรสำเร็จเข้ามาช่วยเยอะ แต่ปรากฏว่าเป็นความลงตัวที่้เข้ากับตัวหนังพอดี ดราม่าจัดจ้านที่ไม่ได้รู้สึกยัดเยียดเกินเหตุ หรือฉากต่อสู้ตีกันพัลวันก็อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มากไม่น้อยกำลังพอ
องค์ประกอบต่างๆ ใน 4Kings อาชีวะยุค 90 อาจจะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ เพราะยังคงมีช่องว่างและจุดโหว่ปะปนอยู่ตลอดทาง แต่เนื้อหาที่เข้มข้นของหนังก็สามารถช่วยกลบเกลื่อนอุดรอยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ผู้ชมมองข้ามไปในบางจุด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของหนังนั้น ถือว่าสอบผ่านและทำดีใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปูเรื่องราวและสร้างมิติให้กับตัวละครต่างๆ
รวมไปทั้งการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เก็บทุกเม็ดของความสภาพสังคมในยุค 90 ที่สัมผัสเห็นได้ถึงงานละเอียดที่ทีมงานและผู้สร้างบรรจงใส่มาทั้งในรูปแบบนามและวัตถุที่้ต้องขอยกนิ้วให้กับการทำการบ้านที่ดีใช้ได้อย่างหนังเรื่องนี้เลย แต่น่าเสียดายที่ในช่วงครึ่งหลังของหนังนั้น ค่อนข้างยืดเยื้อไปนิด ด้วยการใส่นู้นนี่เข้ามามากเกินจำเป็น หากมีการตัดทอนและปรุงแต่งให้กระชับกว่านี้หน่อย ลดไปอีกสัก 10 นาที เชื่อว่าอาจจะดีกว่านี้ 4 kings Full Movie
สรุป 4 kings
มาถึงซีนที่ชอบ ก็คงจะเป็นซีนตอนที่ บิลลี่ อินทร(จ๋าย),โอ๋ ประชาชล(ณัฐ) ,เอก BU(ทู) โดนจับไปอยู่บ้านเมตตา (น่าจะสถานพินิตแหละมั้ง) ช่วงที่ 3 คนนี้โดนจับนี่ชอบมาก ทำให้เห็นได้ว่า สุดท้ายแล้วพวกนี้มันก็แค่เด็กวัยรุ่น ตีกันตามเพื่อนตามพี่บอก ไม่ได้มีอะไรเลย พอมันจนตรอกโดนจับมาอยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้ คนที่ไปดูแล้วเป็นวัยรุ่นกำลังคึกคะนองก็คิดกันเองละกัน ว่ามันโคตรไม่มีเหตุผล ถึงต่อให้มีเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ การใช้กำลังมันไม่ใช่ทางออก ทุกปัญหาบทโลกนี้ แก้ได้ด้วยสมอง และสติ จำไว้แค่นี้พอครับ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นหนังไทยที่เราไม่ค่อยได้เห็นแนวนี้มานานแล้ว ฟิลเหมือนไทยสมัยรุ่งเรื่อง ยุค90 ยุค2000 กล้าเล่นกล้าทำ ซึ่งชอบมาก เพราะปกติแล้ววงการภาพยนตร์ควรมีความหลากหลาย ถ้าอยากจะทำเงินกับมันจริงๆ (หมายถึงขายต่างชาติได้) ต้องเปิดกว้างให้คนทำงานได้ถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดอย่างตรงไปตรงมา ลองผิดลองถูก จะได้เกิดการพัฒนา และเกิดการแข่งขัน จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป คุณภาพมันจะดีขึ้นเองถ้าหากเกิดการแข่งขันกัน ไม่ใช่ทำเพื่อให้บางคนสบายใจ
ซึ่งจากเรื่องนี้ เป็นผลงานแรกของผู้กำกับคนนี้ ถือว่าเป็นงานแรกที่ทำออกมาได้ดีเลย และเป็นหนังเรื่องแรกของสตูดิโอ เนรมิตรหนังฟิล์ม ด้วย ที่กล้าที่จะลงทุนกับผู้กำกับหน้าใหม่ และแนวหนังที่ขายคนไทยยากแบบนี้ ท้ายสุดนี้ขอให้คะแนนภาพยนตร์เรื่อง 4KINGS อาชีวะ ยุค 90 ไว้ที่ 7.5/10 คะแนน 4 kings ตัวจริง
Pingback: รีวิว เทอมสองสยองขวัญ